สภาวะเหตุการณ์ตึงเครีดว่า จะจัดการน้อง ๆ ได้อย่างไร เริ่มเห็นทางออกขึ้น
เมื่อคุณพ่อและคุณแม่ของน้องจุ๊บมาถึงโรงพยาบาล
คุณแม่น้องจุ๊บมาถึงเกาะที่เตียงน้องแล้วกระซิบข้าง ๆ หูน้องว่า จุ๊บแม่อยู่นี่แล้วนะ
น้ำตาพี่เองก้อกลั้นจะไม่อยู่เหมือนกัน แต่แม่น้องจุ๊บเป็นแม่ที่เข้มแข็งเหลือเกิน
คุณแม่บอกว่านึกว่าน้องเป็นเพียงเล็กน้อย แต่พอมาเห็นสภาพ (ที่ทางพี่ ๆ
ช่วยกันทำให้น้องดูสภาพภายนอกดีขึ้นแล้ว ) ที่จุ๊บและวัตรเป็นอยู่
แม่ต้องจุ๊บเดินออกมานอกห้องแล้วบอกกับพี่พร้อมกับร้องไห้ออกมาว่า ไม่นึกว่าจุ๊บจะเป็นมากขนาดนี้
ระหว่างที่กำลังจะคุยกันว่าจะทำอย่างไรดี คุณหมดที่เป็นเพื่อนวัตรเดินทางมาถึง
และเข้าตรวจอาการน้องวัตรเอง บอกว่าขอrecheck พร้อมทั้งเอ๊กซเรย์ใหม่ทั้งสองคน (ตอนนี้ไม่รวมน้องญี่
เพราะสภาพน้องญี่ฟกช้ำเล็กน้อย และลุกขึ้นนั่งได้)
ผลออกมาว่าน้องวัตรซี่โครงหัก น้องจุ๊บ(ในขณะนั้น) ไม่พบสิ่งใดหัก แต่อาการที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
คือการไม่รู้สึกตัวตั้งแต่ท่อนเอวลงไป คุณแม่คุณพ่อ น้องใหม่ พร้อมพี่ ๆ เริ่มกังวล แต่ก้อนั่นแหละ
เหตุการณ์เริ่มมีทางออก เมื่อน้องนัท กลับมาจากสถานีตำรวจ พร้อมญาติ ๆ ผู้ใหญ่
และการประสานงานในการนำน้อง ๆ ทุกคน เข้ามารักษาตัวต่อในโรงพยาบาลกรุงเทพ และเป็นการส่งต่อให้น้อง ๆ
ชมไทย ช่วยกันดูแล และส่งกำลังใจให้น้องทุกคนปลอดภัยค่ะ
คำถามหลาย ๆ ข้อเกิดขึ้นมา ว่าทำไมการรักษาพยาบาลเบื้องต้น มีความเชื่อมั่นให้คนไข้
และญาติพี่น้องเพียงแค่นี้เองหรือ ดีที่พวกพี่ ๆ และคุณพ่อคุณแม่จุ๋บเกิดอาการงงงวย และคิดไม่ออก
ถ้าเกิดเราอยากให้น้องไปพ้นสภาพการดูแลอย่างแกน ๆ นั้น โดยการให้น้องเคลื่อนไหว และลุกขึ้น
อะไรจะเกิดขึ้นกับน้อง อันตรายต่าง ๆ ที่เราไม่คาดไม่ถึง
และไม่รู้ถึงสภาพร่างกายของน้องข้างในที่บอบช้ำหล่ะ น้องจะเป็นอย่างไร แต่ก้อเถอะนะ ทั้งนี้และทั้งนั้น
มันก้อผ่านเหตุการณ์เบื้องต้นมาอย่างปลอดภัยแล้ว เพียงแต่เฝ้าส่งกำลังใจให้น้อง ๆ
ปลอดภัยแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน
คำถามต่อเนื่องเกิดขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจ ว่า แล้วถ้าไม่เป็นพวกเราหล่ะ ถ้าเป็นตาสีตาสา
ที่พยายามจะกลับบ้านกัน (หรือว่าจะถูกเค้าไล่กลับบ้านก้อตาม) จะเกิดอะไรขึ้น คุณภาพชีวิต
และสิทธิการอยู่รอดของชีวิตหล่ะ ...,มันอยู่ตรงไหน
ส่งรัก กำลังใจ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่เขาใหญ่ทั้งหมด ไปคุ้มครองและปกป้องน้องๆ
ให้หายในเร็ววันนนนะคะ