S - A - T - U - N >> เที่ยวไปเรื่อย สตูล Post by : TonKlongwan : 2011-10-06 14:25:32




Bookmark and Share

S - A - T - U - N >> เที่ยวไปเรื่อย สตูล

Detail

Zoom ++ Click

ปล่อยรูปอีกสักหนึ่งอัลบั้ม กับการตลอนเที่ยวเมืองสตูล
ทริปนี้เราจะพาไปเที่ยว
- หาดปากบารา
- ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
- อุทยานแห่งชาติทะเลบัน
- เกาะหลีเป๊ะ
ฯลฯ

เชิญชมครับ

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:25:32] mail not show 101.108.13.201

1 [ 2 ]


Comment : 1

Zoom ++ Click

วิวจากหาดปากบารา

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:26:39] mail not show 101.108.13.201

Comment : 2

Zoom ++ Click

อีกรูป

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:27:03] mail not show 101.108.13.201

Comment : 3

Zoom ++ Click

ตรงนี้เป็นที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา


นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังอุทยานฯ ได้ตลอดทั้งปี โดยมีจุดเริ่มต้น 2 แห่งคือ

1.จากอำเภอสตูล ที่ทำการอุทยานฯ อยู่ก่อนท่าเรือปากบาราประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวง หมายเลข 416
บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 6-7 ให้แยกซ้ายเข้าไปอีก 1.4 กิโลเมตร อยู่ห่างจากอำเภอละงู 7 กิโลเมตร
และห่างจากตัวจังหวัด 56 กิโลเมตร

2.จากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีรถตู้ปรับอากาศ จอดรอรับผู้โดยสารหน้าธนาคารกรุงไทย ถ.นิพัทธ์อุทิศ 1
รถออกทุกครึ่งชั่วโมง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา เป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่กลางท้องทะเลอันดามันที่เรียงรายกระจัด
กระจายตั้งแต่เขตอำเภอละงู ทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เรื่อยไปจนอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ครอบคลุม
พื้นที่ชายฝั่งทะเลและเกาะน้อยใหญ่ โดยมีเกาะที่สำคัญเรียงจากเหนือไปใต้ คือ เกาะเหลาเหลียงเหนือ
เกาะเหลาเหลียงใต้ เกาะเบ็ง เกาะละมะ เกาะบุโหลนขี้นก เกาะบุโหลนใหญ่ เกาะบุโหลนไม้ไผ่ เกาะเขา ใหญ่
และเกาะลิดี มีพื้นที่รวมประมาณ 494.38 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 308,987 ไร่ ได้รับ
จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527

มีตำนานเล่าขานถึงหมู่เกาะเภตรา บอกเล่าไว้ว่า เกาะเล็กเกาะน้อยเหล่านี้เกิดจากการขว้างปาสิ่ง
ของลงในทะเลด้วยความเสียใจของพ่อแม่ที่ลูกชายผู้ไปได้ดิบได้ดีในเมืองอื่นไม่ยอมรับว่าตนเป็น
พ่อแม่เนื่องจากอับอายภรรยาที่พามาด้วย ข้าวของที่พ่อแม่ปาลงทะเลนั้นคือสิ่งที่ตระเตรียมไว้ต้อน
รับลูกชาย เช่น เนื้อหมูกลายเป็นเกาะสุกร กล้ายกลายเป็นเกาะกล้วย ฯลฯ ส่วนเรือสำเภาของลูกชาย
เมื่อแล่นออกสู่ทะเลก็ไปล่มกลางทะเลกลายเป็นเกาะเภตราที่เห็นอยู่ทุกวันนี้

สำหรับที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ตั้งอยู่บนอ่าวนุ่น ด้วยความสะอาดและเป็น ระเบียบของอุทยาน
รวมทั้งสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เป็นด่านแรกที่สร้างความ
ประทับใจให้กับนักเดินทางก่อนที่ตะลุยไปสู่หมู่เกาะต่างๆ ภายในอุทยานฯ

ก่อนการเดินทางสามารถแวะชมข้อมูล ของสถานที่ท่องเที่ยวภายในเขตอุทยานฯ ได้ที่ศูนย์บริการ นักท่องเที่ยว
ภายในที่ทำการฯ ซึ่งเป็นห้องนิทรรศการขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ สามารถให้บริการข้อมูล
บริการนักท่องเที่ยวได้พอสมควร

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเขาโต๊ะหงาย ระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นเส้นทาง เดินง่ายๆ
มีป้ายบอกระยะทาง เส้นทางบางช่วงอาจเปลี่ยนแปลงบ้าง จึงไม่ควรเดินไปคนเดียว จุดเด่น ของป่าเขาโตะหงาย
คือ ค่างแว่น

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ เกาะลิดี อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร
และห่างจากท่าเรือปากบาราประมาณ 7 กิโลเมตร มีหน้าผาและถ้ำเป็นที่อาศัยของนกนาง แอ่นจำนวนมาก
เนื้อที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร มีหาดทรายขาวบริสุทธิ์ และมีเวิ้งอ่าวยื่นเข้า
ไปในตัวเกาะเป็นสระน้ำใสสะอาด เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเล่นน้ำทะเล

เกาะเขาใหญ่ อยู่ห่างจากท่าเรือปากบาราประมาณ 3 กิโลเมตร บนเกาะมีอ่าวชื่อนะปุลา จุดเด่นของ เกาะเขาใหญ่
คือ ปะติมากรรมธรรมชาติที่คล้ายกับปราสาทหิน มีสะพานธรรมชาติที่ยื่นโค้งไปใน
ทะเลยามน้ำลดสามารถพายเรือลอดได้ นอกจากนี้ยังมีสถานที่เพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาของประมงจังหวัด สตูล
ตั้งอยู่ใกล้เกาะเขาใหญ่ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมแวะไปชมกันมากเช่นกัน

เกาะบุโหลน อยู่ห่างจากท่าเทียบเรือปากบาราประมาณ 22 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว สะอาด
น้ำใสเหมาะแก่การดูปะการัง เป็นเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกเกาะหนึ่ง เนื่อง
จากเป็นเกาะที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้สะดวก

สำหรับเรื่องที่พัก ที่อ่าวนุ่นและเกาะลิดี สามารถติดต่อโดยตรงที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
โทร.(074)781582

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:28:21] mail not show 101.108.13.201

Comment : 4

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:29:02] mail not show 101.108.13.201

Comment : 5

Zoom ++ Click

เรามาต่อกันที่ ด่านวังประจัน (ด่านชายแดนไทย-มาเลย์)

เขตชายแดนไทย-มาเลเซีย (ด่านวังประจัน) อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทะเลบัน เพียง ๒ กิโลเมตร
บริเวณเขตแดนมีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ตั้งอยู่ หากเดินทางต่อไปอีกประมาณ ๒๓ กิโลเมตร ก็จะถึง ปาดังเบซาร์
ซึ่งมีสินค้าราคาถูกจำหน่าย หรือหากต้องการไปยังเมืองกางะ เมืองหลวงของรัฐเปอร์ลิส
ก็สามารถไปได้เพียงเดินทางไปอีกประมาณ ๓๐ กิโลเมตรเท่านั้น ด่านเปิดตั้งแต่ ๐๖.๐๐-๑๙.๐๐ น.
และจะมีตลาดนัดใหญ่ทุกเช้าวันเสาร์-อาทิต

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:30:19] mail not show 101.108.13.201

Comment : 6

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:30:53] mail not show 101.108.13.201

Comment : 7

Zoom ++ Click

ที่ระลึก

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:31:34] mail not show 101.108.13.201

Comment : 8

Zoom ++ Click

เนื่องจากวันที่ไปเป็นวันธรรมดา เลยมะค่อยมีของขาย เศร้า


m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:32:28] mail not show 101.108.13.201

Comment : 9

Zoom ++ Click

เลยมาต่อกันที่ อุทยานแห่งชาติทะเลบัน

ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 บ้านวังประจัน ตำบลควนสตอ อุทยานฯ มีเนื้อที่ทั้งหมด 196 ตรกม. หรือ 122,000 ไร่
โดยรวมเอาเนื้อที่ของป่าสงวนแห่งชาติกุปัง ปุโล๊ต และหัวกะหมิงเข้าด้วยกัน
และยังผนวกพื้นที่ป่าควนบ่อน้ำปูยู ในท้องที่ตำบลบ้านควน ตำบลปูยู อำเภอเมือง จังหวัดสตูลอุทยานฯ
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40 กม.

คำว่า "ทะเลบัน" มาจากคำว่า "เลิด เรอบัน" เป็นภาษามลายูแปลว่า
ทะเลยุบหรือทะเลอันเกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน
อุทยานแห่งชาติทะเลบันเกิดจากการยุบตัวของพื้นดินระหว่างเขาจีนและเขามดแดง
เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ 63,350 ไร่
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูง
จึงอุดมไปด้วยพืชพรรณป่าไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่น และรอบๆ บึงจะมีพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งชื่อต้น
"บากง" ขึ้นอยู่หนาแน่นแลดูสวยงาม
นอกจากนี้ยังมีสัตว์อื่นๆ อีก เช่น นกน้ำชนิดต่างๆ สมเสร็จที่มักลงมากินน้ำตามริมบึงเสมอๆ
ที่อุทยานแห่งชาติทะเลบันยังมีสัตว์อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "หมาน้ำ"
เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำรูปร่างคล้ายกบและคางคก แต่มีหางส่งเสียงร้องคล้ายลูกสุนัข
จะมีชุกชุมตามริมบึงโดยเฉพาะในฤดูฝน สัตว์ชนิดนี้จะมีอยู่เฉพาะที่ทะเลบันเท่านั้น
อุทยานแห่งชาติทะเลบันได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2523

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:33:47] mail not show 101.108.13.201

Comment : 10

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:34:55] mail not show 101.108.13.201

Comment : 11

Zoom ++ Click

หลานตัวแสบ ไก๊ค์นำเที่ยว

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:35:37] mail not show 101.108.13.201

Comment : 12

Zoom ++ Click

อ่านกันไปความเป็นมา

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:36:18] mail not show 101.108.13.201

Comment : 13

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:37:18] mail not show 101.108.13.201

Comment : 14

Zoom ++ Click

ที่ระลึกกะป้ายยยย

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:38:29] mail not show 101.108.13.201

Comment : 15

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:46:23] mail not show 101.108.13.201

Comment : 16

Zoom ++ Click

พืชพันธ์

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:47:16] mail not show 101.108.13.201

Comment : 17

Zoom ++ Click

ป้ายยยย

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:47:52] mail not show 101.108.13.201

Comment : 18

Zoom ++ Click

ทางเดินชมทะเลบัน

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:48:42] mail not show 101.108.13.201

Comment : 19

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:49:21] mail not show 101.108.13.201

Comment : 20

Zoom ++ Click

ทะเลบัน
ทะเลยุบหรือทะเลอันเกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:51:14] mail not show 101.108.13.201

Comment : 21

Zoom ++ Click

ส่งท้ายทะเลบันไว้ที่นี้
เราแว้นกันไปต่อที่ตัวเมือง สตูล

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 14:52:24] mail not show 101.108.13.201

Comment : 22

Zoom ++ Click

เรามาต่อกันที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล (คฤหาสน์กูเด็น)

ตั้งอยู่ถนนสตูลธานี ซอย 5 ตรงข้ามกับสำนักงานที่ดินจังหวัดสตูล เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น
อาคารเป็นตึกแบบตะวันตก ประตูหน้าต่างรูปโค้งสถาปัตยกรรมยุโรบ
หลังคาทรงปั้นหยาแบบไทยและใช้กระเบื้องดินเผารูปกาบกล้วย บานหน้าต่างเป็นแผ่นไม้ชิ้นเล็กๆ
เป็นเกล็ดแนวนอน ช่องลมหน้าบนตกแต่งรูปดาวสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม สร้างเมื่อ พ.ศ.2441 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.
2459 โดยพระยาภูมินารถภักดี หรือ ตวนกูบาฮารุดดินบินตำมะหงง (กูเด็น บินกูแม๊ะ)
เจ้าเมืองสตูลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
คฤหาสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ไม่ได้ประทับแรม
และเคยเป็นบ้านพักและศาลากลางจังหวัด ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุและจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมประเพณีและวิถ
ีชีวิตของชาวสตูลในด้านต่างๆ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ปิดวันจันทร์-วันอังคาร
และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น. โทร. 0 7472 3140

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:02:22] mail not show 101.108.13.201

Comment : 23

Zoom ++ Click

อาวุธและเครื่องมือต่างๆของชาวซาไก (เงาะป่า)

เนื่องจากตอนที่ไปยังมีการบูรณะอยู่เลยถ่ายได้ไม่เท่าไร

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:03:39] mail not show 101.108.13.201

Comment : 24

Zoom ++ Click

สัญลักษณ์ของจังหวัด สตูล ว่าวควาย

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:05:46] mail not show 101.108.13.201

Comment : 25

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:08:07] mail not show 101.108.13.201

Comment : 26

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:08:36] mail not show 101.108.13.201

Comment : 27

Zoom ++ Click

ท่าเรือเจ๊ะบิลัง สมัยก่อน

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:09:40] mail not show 101.108.13.201

Comment : 28

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:12:26] mail not show 101.108.13.201

Comment : 29

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:13:06] mail not show 101.108.13.201

Comment : 30

Zoom ++ Click

เครื่องครัวชาวสตูลสมัยโบราณ

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:14:39] mail not show 101.108.13.201

Comment : 31

Zoom ++ Click

จำลองประเพณีแต่งงานของชาวมุสลิม

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:15:33] mail not show 101.108.13.201

Comment : 32

Zoom ++ Click

แบบจำรองการแสดง รองเง็ง

เป็นการแสดงประเภทศิลปะการเต้นรำประกอบดนตรี ของคนพื้นเมืองในแถบ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี
ยะลา และนราธิวาส ตลอดจนเมืองต่างๆ ของมาเลเซียตอนเหนือ เช่น กะลันตัน ไทรบุรี ปาหัง ตรังกานู
ล้วนเป็นที่นิยมเล่นกันทั่วไปและแพร่ไปถึงอินโดนีเซีย
กล่าวกันว่า รองเง็งได้รับอิทธิพลแบบอย่างมาจากชาวยุโรป คือ ปอร์ตุเกส สเปน
ซึ่งเดินเรือเข้ามาติดต่อค้าขาย สร้างคลังสินค้า และตั้งเป็นอาณานิคมขึ้นในย่านนี้
เมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ มีงานรื่นเริงใดๆ พวกฝรั่งซึ่งมีการเต้นรำขึ้น ซึ่งก็เต้นรำกันสนุกสนาน
ชาวมลายูพื้นเมืองเห็นเป็นแบบอย่างจึงนำมาฝึกซ้อมหัดเล่นขึ้นบ้าง
โดยเริ่มแรกฝึกหัดจัดแสดงกันอยู่ในวงแคบ เฉพาะแต่ในบ้านขุนนางและวังเจ้าเมืองสุลต่าน
เพื่อต้อนรับแขกเหรื่อหรือเวลามีงานรื่นเริงต่างๆ เป็นการภายใน
ภายหลังจึงได้แพร่หลายออกสู่ชาวพื้นเมือง
ในยุคแรกการแสดงรองเง็งยังอยู่ในวงจำกัด ใช้ผู้หญิงข้าทาสบริวารฝึกหัดกัน
เนื่องจากวัฒนธรรมมุสลิมไม่นิยมให้สตรีเข้าสังคมใกล้ชิดกับบุรุษอย่างประเจิดประเจ้อ
ต่อมาจึงใช้รองเง็งเป็นการแสดงสลับฉากฆ่าเวลาขณะเมื่อการแสดงละครมะโย่งหยุดพักครั้งละ ๑๐-๑๕ นาที
เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเชิญให้ผู้ชมลุกขึ้นมาร่วมวงด้วย
ในที่สุดรองเง็งจึงได้พัฒนารูปแบบจนเป็นที่ถูกใจชาวบ้าน
มีการตั้งคณะรองเง็งขึ้นรับจ้างไปแสดงตามงานต่างๆ ทำนองคณะรำวงรับจ้างของไทย
การแต่งกาย ผู้ชายสวมหมวกหนีบไม่มีปีก (หรือที่เรียกหมวกแขก) สีดำหรือบางทีอาจจะสวม “ชะตางัน”
หรือโพกผ้าแบบเจ้าบ่าวมุสลิมก็ได้ นุ่งกางเกงขากว้าง (คล้ายกางเกงขาก๊วยของคนจีน)
ใส่เสื้อคอกลมแขนยาวผ่าครึ่งอกสีเดียวกับกางเกง ใช้ผ้าหน้าแคบคล้ายผ้าขาวม้าเรียก “ผ้าลิลินัง” หรือ
“ผ้าซาเลนดัง” เป็นผ้าไหมยกดอกดิ้นทองดิ้นเงินผืนงาม
พันรอบสะโพกคล้ายนุ่งโสร่งสั้นทับกางเกงอีกชั้นหนึ่ง
ผู้หญิง ใส่เสื้อเข้ารูปแขนกระบอกเรียกเสื้อ “บันดง” ยาวคลุมสะโพก ผ่าอกตลอด ติดกระดุมทอง
เป็นแถวยาว นุ่งผ้าถุงสีหรือลายยาวกรอมเท้า มีผ้าผืนยาวบางๆ คลุมไหล่ให้สีตัดกับสีเสื้อ
เครื่องดนตรีและเพลง เครื่องดนตรีมี ๑. กลองรำมะนา ๒. ฆ้อง ๓. ไวโอลิน
(เป็นเครื่องดนตรีหลักที่สำคัญ) เพลงที่นิยมใช้เต้นรำมีราว ๗ เพลง คือ

เพลงลาฆูดูวอ เป็นเพลงเร็ว ชื่อเพลงหมายถึง “เพลงที่สอง”
เพลงลานัง เป็นเพลงเร็วและช้าสลับกัน ชื่อเพลงหมายถึง น้ำใสที่ไหลหยด น้ำตาที่ไหลปีติ
เพลงปูโจ๊ะปิซัง ชื่อเพลงหมายถึง “ยอดตอง” เปรียบเสมือนยอดแห่งความรักที่กำลังสดชื่น
เพลงจินตาซายัง ชื่อเพลงหมายถึง ความสำนึกในความรักอันดูดดื่ม
เพลงอาเนาะดีดิ ชื่อเพลงหมายถึง ลูกบุญธรรมหรือลูกสุดที่รัก
เพลงมะอีนังชวา เป็นเพลงช้าชื่อเพลงหมายถึง แม่นมหรือพี่เลี้ยงชาวชวา ได้ท่ารำคำร้องเดิมมาจากชวา
เพลงมะอีนังลามา ชื่อเพลงหมายถึง แม่นมหรือพี่เลี้ยง เป็นเพลงเก่าแก่
ลักษณะการเต้นรำ เมื่อดนตรีขึ้นเพลง ผู้ชายจะไปโค้งฝ่ายหญิงแล้วพากันไปเต้นรำเป็นคู่ๆ
ตามจังหวะเพลง มีทั้งช้าและเร็วหรือสลับกัน กระบวนท่ามีทั้งท่ายืน ท่านั่ง ปรบมือ เล่นเท้า หมุนตัว
วาดลวดลายไล่เลียงกันด้วยความชำนาญ และเข้ากับจังหวะเพลงอย่างสวยงามน่าดู สนุกสนาน เร้าใจ
การเต้นรำจะไม่ถูกเนื้อต้องตัวกัน เน้นความสุภาพ ความอ่อนช้อย ไม่หยาบโลน เน้นศิลปะความสวยงาม

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:18:49] mail not show 101.108.13.201

Comment : 33

Zoom ++ Click

แบบจำลองพิธี สุนัต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สุนัต (สุ-หนัด) หรือ สุนนะฮฺ คือ การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นคำที่ยืมจากภาษามลายู ซูนัต
ซึ่งมีความหมายเดียวกัน ยืมมาจากภาษาอาหรับ ซุนนะหฺ แปลว่า แนวทางศาสนทูต
บ่อยครั้งที่เรียกว่า เข้าสุนัต ซึ่งเป็นการยืมจากคำแรกของวลี มาซุก ญาวี (แปลว่า เข้าญาวี)
ในภาษามลายู
หมายถึง เข้า (ศาสนาของ) คนญาวี (มลายูมุสลิม) ด้วยการขริบหนังที่ปลายอวัยวะเพศ
การขริบหนังอวัยวะเพศชายเป็นประเพณีของชาวมุสลิม ชาวยิว และชาวคริสต์บางนิกาย
เช่นเดียวกับเผ่าหลายเผ่าในแอฟริกา ผู้ที่นับถือศาสนาอื่นนิยมขริบเนื่องจากเหตุผลทางสุขภาพ

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:20:47] mail not show 101.108.13.201

Comment : 34

Zoom ++ Click

แบบจำลองการละหมาด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ละหมาด (มาจากคำว่า นมาซ เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาเปอร์เซีย) หมายถึง การประกอบกิจบูชาสักการะอัลลอหฺ
ด้วยการอ่านบทสรรเสริญ และการวิงวอน ในอาการต่าง ๆ เช่น ยืน ก้ม กราบ และนั่ง ภาษาอาหรับเรียกว่า ศอลาต
ภาษามลายูว่า "sembahyang" ที่เป็นคำที่ประกอบจากคำว่า sembah (บูชา) และ yang (พระเจ้า)
ซึ่งเพี้ยนเป็นภาษามลายูปัตตานีว่า "ซือมาแย" และภาษาไทยถิ่นใต้ว่า
"มาหยัง"

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:23:54] mail not show 101.108.13.201

Comment : 35

Zoom ++ Click

ออกจาก คฤหาสน์กูเด็น ไปเที่ยวต่อที่

วัดชนาธิปเฉลิม
ตั้งอยู่ที่ถนนศุลกานุกูล ตำบลพิมาน เดิมชื่อ วัดมำบัง เป็นวัดแห่งแรกของเมืองสตูล สร้างเมื่อ พ.ศ. 2425
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนาธิปเฉลิมเมื่อ พ.ศ.2482 ชาวเมืองสตูลส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
เป็นที่รวมน้ำใจของชาวพุทธศาสนามาร่วม 100 กว่าปี พระอุโบสถของวั ดสร้างเมื่อ พ.ศ.2473
มีลักษณะเด่นแตกต่างจากพระอุโบสถทั่วไป คือ เป็นอาคารทรง 2 ชั้น ชั้นล่างก่อด้วยอิฐถือปูน
ใช้เป็นศาลาการเปรียญ ชั้นบนเป็นอาคารไม้ ใช้ประกอบพิธีกรรมของพระสงฆ์
ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นระเบียงมีบันไดสองข้าง เสาบานหน้าต่างแกะสลักเป็นรูปเคร ือเถา
วัดแห่งนี้จึงเป็นวัดที่หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดสตูลร่วมกับศูนย์วัฒนธรรมจังหวั
ดสตูล โรงเรียนสตูลวิทยา ประกาศเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สอบถามรายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ 0 7471 1996

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:31:27] mail not show 101.108.13.201

Comment : 36

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:32:09] mail not show 101.108.13.201

Comment : 37

Zoom ++ Click

ปิดท้ายวันแรกด้วยรูปนี้นะครับ

เด๋วพาลงทะเลต่อ

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:33:01] mail not show 101.108.13.201

Comment : 38

Zoom ++ Click

เช้าต่อมา เรามีโปรแกรมออกเรือไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ
คราวนี้ เดี่ยว

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:40:00] mail not show 101.108.13.201

Comment : 39

Zoom ++ Click

ท่าเทียบเรือปากบารา

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:51:08] mail not show 101.108.13.201

Comment : 40

Zoom ++ Click

ได้ตั๋วเรือแล้วก็เตรียมไป check in

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:53:23] mail not show 101.108.13.201

Comment : 41

Zoom ++ Click

เช๊คอินตรงนี้ (ชั่วคราว)

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:54:56] mail not show 101.108.13.201

Comment : 42

Zoom ++ Click

ลำนี้แหละที่จะพาเราไป หลีเป๊ะ

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:55:41] mail not show 101.108.13.201

Comment : 43

Zoom ++ Click

เก็บบรรยากาศ

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:56:19] mail not show 101.108.13.201

Comment : 44

Zoom ++ Click

ได้เวลาลงเรือ

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:58:43] mail not show 101.108.13.201

Comment : 45

Zoom ++ Click

เก็บบรรยากาศขณะเรือแล่น

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 15:59:34] mail not show 101.108.13.201

Comment : 46

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 16:00:55] mail not show 101.108.13.201

Comment : 47

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 16:01:26] mail not show 101.108.13.201

Comment : 48

Zoom ++ Click

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 16:01:57] mail not show 101.108.13.201

Comment : 49

Zoom ++ Click

ได้เวลาเร่งสปีดไปเกาะหลีเป๊ะแล้ว

เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 16:03:00] mail not show 101.108.13.201

Comment : 50

Zoom ++ Click

ถึงแล้ววว เกาะหลีเป๊ะ

เกาะหลีเป๊ะ (Koh Lipe) เป็นหนึ่งในหลายๆ เกาะของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ตั้งอยู่สุดเขตแดนใต้
อยู่ในกลุ่มของหมู่เกาะอาดัง - ราวี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะตะรุเตา ห่างเกาะตะรุเตา 45 กิโลเมตร
ห่างจากฝั่งท่าเรือปากบารา 62 กิโลเมตร อยู่ใกล้ๆ กับเกาะอาดัง ลักษณะของเกาะเหมือนดังในภาพ
ความยาวหัวถึงท้ายเกาะ 3 กิโลเมตร เกาะหลีเป๊ะ นี้ถึงแม้จะอยู่ในเขตอุทยานฯ
แต่ว่าพื้นที่ทั้งหมดเป็นของชาวบ้านซึ่งอยู่อาศัยบนเกาะมาเป็นร้อยกว่าปีก่อนประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ
ดังนั้นการจัดการพื้นที่บนเกาะจึงอยู่นอกเหนืออำนาจของอุทยาน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชุมชนบริการจัดการ
โดยอุทยานแห่งชาติคอยดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว

m_46ea206.jpg TonKlongwan [2011-10-06 16:20:47] mail not show 101.108.13.201

1 [ 2 ]

Bookmark and Share

Reply

 



Board v.0.12 beta :: Powered by : PacketLove.com | ГСєทУ SEO | electric cigarette | аЗзєдซตмКУаГзЁГЩป | аЗзєКУаГзЁГЩป | №СиงКБТёФ| КตФปСЇฐТ№ dentist bangkok | implant bangkok | veneer bangkok | implant thailand | dentist sukhumvit | dental sukhumvit | fast braces bangkok | tooth whitening bangkok | Huahin Resort | Pool Villa Huahin |

© 2543-2562-CHOMTHAILAND, All rights reserved.