Bookmark and Share

30วัน อินเดีย-เนปาล เมืองแห่งชีวิต อารยธรรม ความลงตัวระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ดินแดนแห่งพุทธภูมิ

Detail

Zoom ++ Click

ก่อนอื่นก็ต้องเกริ่นนำกันก่อนเลย เมื่อปีที่แล้วก็ได้โอกาสเดินทางไปอินเดีย-เนปาล ตามรอย พระพุทธเจ้า
บันทึกภาพได้มากมาย จนมาเมื่อเสาร์ที่แล้วได้มีโอกาสคุยกับพี่เอกเล็กน้อย
โดนพี่เอกบิ๊ว ๆๆ เอกจะค่อยๆลงไปเลื่อยๆนะครับ จะเล่า เรื่องราว
ตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย อาจจะนานเป้นเดือนๆ กว่าจะเสร็จก็ อดทนกันนิดนึงนะ ครับบ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-17 09:51:36] mail not show 125.24.251.150

[ 1 ] 2


Comment : 51

Zoom ++ Click

เมื่อท้องอิ่มก็เดินทางกันต่อเลย ... ไปวัดสวนไผ่กัน .. หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า
วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกของพุทธศาสนา ที่พระเจ้าพิมพิสารสร้างถวายพระพุทธเจ้า

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:04:46] mail not show 125.25.6.124

Comment : 52

Zoom ++ Click

วัดแห่งนี้ ที่กำเนิดวันมาฆบูชา วันที่เอหิภิกขุ 1250 มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย วันนี้เอง
ที่พระพุทธองค์แสดง "โอวาทปาฎิโมกข์" ซึ่งถือกันว่า
เป็นหลักคำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึง จุดหมาย หลักการ และวิธีการ
ของพระพุทธศาสนาไว้อย่างครบถ้วน

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:11:27] mail not show 125.25.6.124

Comment : 53

Zoom ++ Click

สระกลันฑกะ ที่พระเจ้าพิมพิสารทรงขุดถวายไว้ที่วัดแห่งนี้

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:15:35] mail not show 125.25.6.124

Comment : 54

Zoom ++ Click

บ่าย 3 กว่าแล้ว เดินทางกันต่อไปที่ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์ แห่งแรก
ที่เคยเจรฺญรุ่งเรืองเมื่อพันพีมาแล้ว เคยมีพระศึกาาอยู่นับหมื่น ก่อนถูกทำลายในพุทธศตวรรษที่ 16 โดย
กองทัพชาวเติกร์ มีซากหอสมุดที่เคยสูงถึง 9 ชั้น

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:23:04] mail not show 125.25.6.124

Comment : 55

Zoom ++ Click

ความยิ่งใหญ่ในอดีตคงจิตนาการไม่ไหว ซากพันกว่าปี ยังใหญ่ได้ขนาดนี้

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:28:42] mail not show 125.25.6.124

Comment : 56

Zoom ++ Click

ไป ไป ไป ที่นี่ยังมีให้เห้นได้ทั่วไป

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:35:47] mail not show 125.25.6.124

Comment : 57

Zoom ++ Click

ไข่ไก่ที่นี่สีขาวนะคร้าบบบบ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:41:18] mail not show 125.25.6.124

Comment : 58

Zoom ++ Click

เนื้อไก่ที่นี่ก็สดๆกันเลย อยากได้ตัวไหนก็ชี้ จะเชือดให้ หุหุ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:42:48] mail not show 125.25.6.124

Comment : 59

Zoom ++ Click

อีนี้เรียกว่า ขนมขาชานะนายจ๋า 55+ มีชื่อเสียงมาแต่พุทธกาล 555++ ชิมไปนิดเดียวเองเป็นแป้งทอดกรอบๆ
ใส่ไรมั่งม่ะรุ้

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:45:41] mail not show 125.25.6.124

Comment : 60

Zoom ++ Click

เดี๋ยวเราจะไป ตะโปธาร กัน ระหว่างทางเจอไปสีๆ นี่
เค้ามีไว้เล่นโอลี่(ม่ะแน่ใจเรียกถูกป่าวลืมๆไปแล้ว) เป็นคล้าายๆกับสงกานต์บ้านเราถนนทุกสายจะปิดหมด
งานจะหยุด เพื่อไปป้ายสีกันนี่แหละ น่าหนุก ๆ อีกไม่กี่วันจะมีงาน ทันๆๆๆ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:52:51] mail not show 125.25.6.124

Comment : 61

Zoom ++ Click

จอดอยู่หน้าตะโปธาร สงสัยเจ้าของมาอาบน้ำ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 13:54:51] mail not show 125.25.6.124

Comment : 62

Zoom ++ Click

ถึงแว้ววว ตะโปรธาร บ่อน้ำแร่ร้อน ที่มีมาแต่สมัยพุทธกาล เป็นต้นเหตุให้มีพุทธานุญาติให้ภิกษุสรงน้ำทุก
15 วัน

ส่วนชาวฮินดูถึงว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านขุมนรกชั้นโลหะกุมภีร์จึงนิยมมาอาบ
โดยแบ่งระดับให้แต่ละวรรณะอาบ วรรณกษัตริย์ก็บนสุด ไล่มาเลื่ย จนถึงจัณฑาร เป็นชั้นๆลงมา
คือน้ำจากที่วรรณกษัตริย์อาบก็จะไหลมาลงบ่อวรรณพรามณ์ วรรณพรามณ์อาบก็ไหลไปแพศท์
ไหลลงไปอย่างนี้จนถึงวรรณะสุดท้าย

และในภาพก็เป็นสีของน้ำในวรรณจัณฑาร ซึ่งเป็นวรรณสุดท้าย

บรรยายซะยืดยาว จบข่าว

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 14:02:53] mail not show 125.25.6.124

Comment : 63

Zoom ++ Click

อันนี้วรรณสูงขึ้น น้ำก็ใสขึ้น ตามลำดับ
เค้าถือในวรรณะมากยอมอาบและพอใจกับวรรณะตัวเองไม่ว่าน้ำจะเป็นสีอะไร

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 14:05:59] mail not show 125.25.6.124

Comment : 64

Zoom ++ Click

ยามพบค่ำของเมืองนี้ เงียบ สงบ ยิ่งนัก

เช้าพรุ่งนี้เราจะไปเมืองไวลาลี กัน

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 14:12:00] mail not show 125.25.6.124

Comment : 65

Zoom ++ Click

เช้านี้เราจะเดินทางไปเมืองไวสาลี เมืองต้นกำเนิดน้ำพระพุทธมนต์

ผ่าน สะพานมหาตมะ คานธีเสตุ(Mahatama Ghandhi Setu)

เป็นสะพานที่สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ มหาตมะ คานธี ผู้กอบกู้อินเดียให้พ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 14:17:48] mail not show 125.25.6.124

Comment : 66

Zoom ++ Click

แะลนี่ก็เป็นการขนส่งทางหลักของที่นี่แหละ รถไฟปู๊นๆ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 14:26:23] mail not show 125.25.6.124

Comment : 67

Zoom ++ Click

ซากเมืองไวสาลี เมืองหลวงของแคว้นวัชชี
สมัยพุทธกาลซึ่งพระพุทธองค์เสด็จมาโปรดชาวเมืองให้รอดพ้นจากโลกห่า
โดยการโปรดให้พระอานนท์ทำน้ำพระพุทธมนต์ปะพรมไปทั่วเมืองบันดารให้ฝนโบกขรพัตตกลงมา

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 14:44:13] mail not show 125.25.6.124

Comment : 68

Zoom ++ Click

วัดกูฏาคารศาลาป่ามหาวัน เป็นเจดีย์สถูปทรงโอคว่ำ
และเสาร์หินพระเจ้าอโศกมหาราชที่สมบรูณ์ที่สุดที่ยังปรากฎสิงโตหินบนยอดเสา
และวัดนี้ยังเป็นที่วัดที่พระพุทธองค์ทรงประธานพุทธานุญาตบวช พระนางปชาบดีโคตรมีเป็นภิกษุณีรูปแรกของโลก

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 14:56:40] mail not show 125.25.6.124

Comment : 69

Zoom ++ Click

เสาหินทราบของประเจ้าอโศก ตั้งสง่าเป็นเครื่องหมายยืนยัน

ข้อมูลนิดนึงนะครับ

เสาแบบนี้พระเจ้าอะโศกสร้างถวายเป็นพุทธบูชาทั้งสิ้น 84000 ต้น
ตั้งตามสถานที่สำคัญตามพระพุทธศาสนาปัจจุบันเหลือไม่กี่ต้นแล้ว

และต้นนี้เป็นต้นที่สมบูรณ์มาก ที่ยังคงอยู่กับที่

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-20 15:06:52] mail not show 125.25.6.124

Comment : 70

Zoom ++ Click

ใหญ่แค่ไหนไปแทบขนาดกัน

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 09:10:18] mail not show 125.25.7.31

Comment : 71

Zoom ++ Click

เดินออกมาด้านนอก แบบนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ เมืองไทยไม่มีแว้ว หรือมีก็น้อย

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 09:15:17] mail not show 125.25.7.31

Comment : 72

Zoom ++ Click

วัว ที่นี่ กินหญ้าในจาน นะจ๊ะ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 09:16:41] mail not show 125.25.7.31

Comment : 73

Zoom ++ Click

วิชาญ เรียกขึ้นรถแล้ววันนี้เราจะตามรอยเสด็จไปเมืองกุสินารา ระหว่างนั้นจะผ่าน ปาวานนคร บ้านนายจุลทะ
แม่น้ำกกุธารนที ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมงโดยประมาณ (+ไปอีก 2 เชื่อเอก)

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 09:21:37] mail not show 125.25.7.31

Comment : 74

Zoom ++ Click

ถึงปาวานนครแล้ว ที่แห่งนี้ พระผู้มีพระภาคทรงปรงอายุสังขาร

ข้อมูลที่เอกจำได้ช่วงปลงอายุสังขารก็มีอยู่ว่า(ทางการนิดนึงนะเป็นความรู้)

พญาวัสวดีมาร ผู้ใจบาป ก็ถือโอกาสเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทูลอาราธนา ปรารภถึงความหลัง
เมื่อครั้งแรกตรัสรู้ เสด็จอยู่ ณ ร่มไม้อชปาลนิโครธ (ต้นไทรจร้า) ว่า เมื่อครั้งนั้น
ได้ทูลอาราธนาให้เสด็จปรินิพพานแล้ว แต่พระองค์ทรงห้ามว่า ตราบใด บริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก
อุบาสิกา สาวกของตถาคตยังไม่เจริญมั่นคงก็ดี ศาสนาของตถาคตยังไม่แพร่ไพศาลไปทั่วโลกธาตุก็ดี ตราบนั้น
ตถาคตจะยังไม่ปรินิพพานก่อน ข้าแต่พระผู้มี พระภาคเจ้า บัดนี้ บริษัท ๔
ของพระผู้มีพระภาคได้เจริญแพร่หลายแล้ว พระศาสดาได้ดำรงมั่นเป็นหลักฐาน สมดังมโนปณิธานแล้ว
ขออาราธนาพระองค์เสด็จปรินิพพานเถิด

พระผู้มีพระภาคทรงตรัสว่า "ดูกรมาร ท่านจงมีความขวนขวายน้อยเถิด อย่าทุกข์ใจไปเลย
ไม่ช้าแล้ว ตถาคตก็จักปรินิพพาน กำหนดการแต่นี้ล่วงไปอีก ๓ เดือนเท่านั้น"
ครั้นพญามารได้สดับพระพุทธบัญชาเช่นนั้น ก็มีจิตโสมนัสยินดี แล้วก็อันตรธานจากสถานที่นั้นไป

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า กำหนดพระทัย ทรงปลงพระชนมายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์
ในวันมาฆะปุรณมี เพ็ญเดือน ๓ ครั้งนั้น ก็บังเกิดมหัศจรรย์บันดาล พื้นแผ่นพสุธาธารโลกธาตุ
ก็กัมปนาทหวั่นไหว ประหนึ่งว่า แสดงความทุกข์ใจ อาลัยในพระผู้มีพระภาคเจ้า
จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานในกาลไม่นาน ต่อนี้ไปอีก ๓ เดือนเท่านั้น

น่าสังเวชใจยิ่งนัก ตถาคต ผู้บำเพ็ญบารมีมาอย่างยาวไกล จะละสังขารแล้ว

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 09:46:06] mail not show 125.25.7.31

Comment : 75

Zoom ++ Click

ไป ไป ไป เด๋ว มึด ไป กันต่อ
อันนี้หน้าทางเข้าปาวานเจดีย์

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 10:08:14] mail not show 125.25.7.31

Comment : 76

Zoom ++ Click

ที่แรกคิดว่าจะไม่แวะที่นี่ แต่จะตามรอยจริงๆ ต้องผ่านที่นี่ด้วย
ที่นี่ เรียกว่า มหาสถูปเกสรียา สถูปที่มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบในอินเดีย พระสถูปสูงประมาณ ๑๔๕
เมตร สูงกว่าพุทธคยาและมีพระพุทธรูปประทับนั่ง ปางมารวิชัยเป็นประธานในวิหาร
แต่เสียดายเศียรพระพุทธรูปถูกทุบทำลายที่ค้นพบใหม่ในเร็วนี้ สันนิษฐานว่า
น่าจะเป็นหมู่บ้านของชาวเกสปุตตนิคม แล้วจึงเรียกเพี้ยนจาก เกสปุตตนิคม มาเป็น เกสริยา
และน่าจะเป็นพุทธสถานที่สำคัญแห่งใดแห่งหนึ่งแน่นอน คาดว่าหลังจาก ที่ปลงอายุสังขารพระองค์ทรงเสร็จผ่าน
ณ หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย พระองค์ ทรงประทานบาตร ไว้ที่หมู่บ้านแห่งนี้
จึงสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุไว้บูชาและก็บูรณะเรื่อยมาจนมีขนาดใหญ่เท่าที่เห็น
แต่หลังจากการขุดค้นก็ไม่พบบาตรแต่อย่างใด

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 10:40:39] mail not show 125.25.7.31

Comment : 77

Zoom ++ Click

ระหว่างทาง มีให้เห็นได้ทั่วไป

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 10:52:08] mail not show 125.25.7.31

Comment : 78

ชมแล้วคิดถึงอินเดียเลย บางสถานที่พี่ก็ยังไม่ได้ไป เช่น มหาสถูปเกสรียา ที่ใหญ่ที่สุด ตามชมต่อจ้า

m_740ef53.jpg ake_chomthai [2011-01-21 11:10:14] mail not show 158.108.66.179

Comment : 79

Zoom ++ Click

เส้นทางไปกุสินารา

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 11:19:24] mail not show 125.25.7.31

Comment : 80

Zoom ++ Click

ภาพบริเวณบ้านของนายจุนทะกัมมารบุตร
นายจุนทะได้ถวายอาหารพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ที่บ้านของตน
อาหารอย่างหนึ่งที่นายจุนทะปรุงถวายพระพุทธเจ้าในวันนี้มีชื่อว่า 'สูกรมัททวะ'

คัมภีร์ศาสนาพุทธชั้นอรรถกถาและมติของเกจิอาจารย์ทั้งหลายยังไม่ลงรอยกันว่า 'สูกรมัททวะ'
นั้นคืออะไรแน่ บางมติว่าได้แก่สุกรอ่อน (แปลตามตัว สูกร-สุกร หรือหมู มัททวะ-อ่อน)
บางมติว่าได้แก่ เห็นชนิดหนึ่ง และบางมติว่าได้แก่ ชื่ออาหารอันประณีตชนิดหนึ่ง
ซึ่งชาวอินเดียปรุงขึ้นเพื่อถวายแก่ผู้ที่ตนเคารพนับถือที่สุด เช่น เทพเจ้า เป็นต้น
เป็นอาหารประณีตชั้นหนึ่งยิ่งกว่าข้าวมธุปายาส

พระพุทธเจ้าตรัสบอกนายจุนทะให้จัดถวายสูกรมัททวะนั้นถวายแต่เฉพาะพระองค์
ส่วนอาหารอย่างอื่นให้จัดถวายพระสงฆ์ และเมื่อพระพุทธเจ้าทรงฉันเสร็จแล้ว
รับสั่งให้นายจุนทะนำเอาสูกรมัททวะที่เหลือจากที่พระองค์ทรงฉันแล้ว ไปฝังเสียที่บ่อ
เพราะคนอื่นนองจากพระองค์นั้นฉันแล้ว ร่างกายไม่อาจจะทำให้อาหารนั้นย่อยได้
เสร็จแล้วพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้นายจุนทะฟังเป็นที่ชื่นชมและรื่นเริงในกุศลบุญจริยาของ
แล้วทรงอำลานายจุนทะเสด็จต่อไปยังเมืองกุสินาราต่อไป

ปัจจุบัน บ้านนายจุนทะนี้ ตั้งอยู่ที่ปาวานคร (Pawanagar) ห่างจากกุสินารา ๑๘ กิโลเมตร
ลักษณะเป็นซากคล้ายสถูปขนาดใหญ่ รัฐบาลอินเดีย ได้ขึ้นทะเบียนรักษาไว้ ยังไม่มีการขุดค้น
เพื่อประมาณสามสิบปีก่อน หลวงพ่อจันทรมุนี เจ้าอาวาสวัดพม่ารูปแรก..ท่านเล่าไว้ว่า
ด้านบนสถูปแห่งนี้มีพระพุทธรูปที่สร้างด้วยหิน ประดิษฐ์ฐานอยู่ ปัจจุบันได้ถูกลักขโมยไปแล้ว
ชาวบ้านเรียกสถานที่แห่งนีว่า Jundamakarn แปลว่า บ้านของนายจุนทะ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 11:29:09] mail not show 125.25.7.31

Comment : 81

Zoom ++ Click

แม่นำกกุธานธี

จากบ้านนายจุนทะ แห่งปาวานคร เมื่อพระพุทธองค์เสวยสุกรมัททวะแล้ว เสด็จเดินต่อไปได้
ระหว่างทางนั้นเองมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ อยู่
ทรงรับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาให้ดื่มเพราะทรงกระหายน้ำอย่างมาก แต่พระอานนท์บอกว่า
กองคราวานเกวียนพ่อค้าเพิ่งจะข้ามแม้น้ำนี้ไป น้ำยังขุ่นอยู่มากและเสนอว่า ขอให้พระองค์รออีกนิด
แม่นำกกุธานธี อันเป็นแม่น้ำที่ใส เย็น มีรสจืดสนิทอยู่ไม่ไกลข้างหน้า
พระพุทธองค์รับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำจนถึง ครั้งที่สามพระอานนท์จึงยอมไป
และนำบาตรไปตักน้ำขณะที่พระอานนท์ตักน้ำขุ่น ๆ
อยู่นั้นได้กลายเป็นน้ำใสอย่างน่าอัศจรรย์แล้วพระอานนท์ได้นำน้ำมาถวายพระพุทธองค์พร้อมกล่าวเหตุมหัศจรรย
์ให้ฟัง พุทธองค์ตรัสว่า เหตุที่ทรงกระหายน้ำอย่างนักในจังหวะที่น้ำกำลังขุ่นอยู่
นั้นเพราะเศษแห่งกรรมเก่าในอดีตที่เคยห้ามโคไม่ให้กินน้ำขุ่นในขณะที่โคกำลังหิวน้ำและจะดื่มน้ำนั่นเอง

เมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จถึงยังแม่นำกกุธานธี แล้วได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า
ถ้าใครจะตำหนินายจุนทะเกี่ยวกับเรื่องถวายสุกรมัทวะแก่พระองค์
ขอให้ช่วยกันชี้แจงปลอบโยนนายจุนทะให้สบายใจนายจุนทะได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่แล้ว

ได้ตรัสเรื่องการถวายอาหาร ๒ อย่าง มีผลเสมอกัน คือ
๑. อาหารบิณฑบาตที่เสวยแล้วตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ (นางสุชาดาถวาย)
๒. บิณฑบาตที่เสวยแล้วปรินิพพาน (นายจุนทะถวาย)

บิณฑบาตสองกาลนี้มีผลมาก กว่าบิณฑบาตรในกาลไหน ๆ
เพราะว่าเป็นอานิสงส์แห่งการเข้าถึงพระนิพพานเหมือนกัน ด้วยว่าบิณฑบาตรที่ถวายโดยนางสุชาดา
เป็นเหตุให้พระองค์เข้าถึงด้วยสอุปาทิเสสนิพพานคือการดับกิเลสโดยมีเบญจขันธ์อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา
สังขาร และวิญญาณ ส่วนที่นายจุนทะถวายนั้นเป็นเหตุให้พระพุทธองค์เข้าถึงอนุปาทิเสสนิพพาน
คือการดับกิเลสโดยไม่มีเบญจขันธ์นั้นหลงเหลืออยู่

จากนั้นได้สรงน้ำในแม่น้ำกกุธานทีแห่งนี้
ช่วงนั้นเกิดเหตุมหัศจรรย์ว่าปลาในแม่น้ำและสัตว์น้ำทุกตัวเป็นสีทองและแม่น้ำสีใสดั่งเงิน
พระพุทธองค์เสด็จดำเนินต่อจนถึงกุสินารานคร

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 12:26:45] mail not show 125.25.7.31

Comment : 82

Zoom ++ Click

กุสินาราจัดเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 4 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ
เป็นสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลมถากัวร์
อำเภอกุสินคร หรือกาเซีย หรือกาสยา (Kushinaga; Kasia; Kasaya) ในเขตจังหวัดเทวริยา (Devria; Devriya)
รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย สาลวโนทาย สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า
มาถากุนวะระกาโกฏ (Matha-Kunwar-Ka-Kot) ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ ปรากฏตามคัมภีร์ว่า
เมืองนี้เคยเป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ
เป็นที่เกิดบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์หลายครั้ง เคยเป็นราชธานีนามว่ากุสาวดี
ของพระเจ้ามหาสุทัสสนจักรพรรดิ์
ปัจจุบันกุสินารา
มีอนุสรณ์สถานที่สำคัญคือสถูปใหญ่ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
วิหารปรินิพพานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายใน ซึ่งงดงามยิ่ง สร้างด้วยหินทรายแดง
ขนาดความยาว 23 ฟุต 9 นิ้ว อายุกว่า 1,900 ปีและมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 12:42:24] mail not show 125.25.7.31

Comment : 83

Zoom ++ Click

ระหว่างสาละคู่นี้พระบรมศาสดาทรงละทิ้งสังขารไว้ตลอดกาล

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 12:49:50] mail not show 125.25.7.31

Comment : 84

Zoom ++ Click

ที่ฝากท้อง ในทุกทุกวันที่อยู่ที่นี่ ใครจะเดินทางไปที่นี่ให้บอกเอก จะจัดการให้

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-21 13:02:04] mail not show 125.25.7.31

Comment : 85

มาตามรอย ครั้งหนึ่งที่ดินเดีย ^^

m_kungyim.jpg kungyim [2011-01-23 21:15:32] 203.158.207.55

Comment : 86

Zoom ++ Click

เรากำลังจะเดินด้วยเท้าจากวัดไทยกุสินารา ไปที่ โฑณพรามณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ ออกเป็น 8 ส่วน

ระหว่างทางที่เดิน มีวนิพกมาร้องเพลง

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 10:03:19] mail not show 125.24.253.93

Comment : 87

Zoom ++ Click

เหลือเพียงแค่ต้นโพธิ์ ให้เป็นที่ระลึก ในอดีตที่นี่เป็นอีกที่ ที่เสาหินอโศกตั้งอยู่ ปัจจุบัน
ยังขุดไม่พบ

เอกขอเล่าเรื่องตอนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุนิดนึงนะ เป็นความรู้กัน

ข่าวพระพุทธเจ้านิพพานที่เมืองกุสินาราแล้ว เจ้ามัลลกษัตริย์พร้อมด้วยคณะสงฆ์ได้ถวายพระเพลิงแล้วนั้น
ได้แพร่ไปถึงบรรดาเจ้านครแห่งแคว้นต่าง ๆ บรรดาเจ้านครเหล่านั้น
จึงได้ส่งคณะทูตรีบรุดมายังเมืองกุสินาราพร้อมด้วยพระราชสาส์น

คณะทูตทั้งหมดมี ๗ คณะ มาจาก ๗ นคร มีทั้งจากนครใหญ่ เช่น นครราชคฤห์ แห่งแคว้นมคธ
ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาเป็นแห่งแรก และนครอื่น ๆ เช่น กบิลพัสดุ์ เมืองประสูติของพระพุทธเจ้า
คณะทูตทั้ง ๗ เมื่อเดินทางมาถึงเมืองกุสินารา ก็ได้ยื่นพระราชสาส์นนั้นแก่เจ้ามัลลกษัตริย์
ในพระราชสาส์นนั้นมีความว่า เจ้านครทั้ง ๗ มาขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
เพื่อนำไปบรรจุในสถูปให้เป็นที่สักการะบูชาไว้ที่นครของตน พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ตอบปฏิเสธแข็งขันไม่ยอมให้
โดยอ้างเหตุผลว่า พระพุทธเจ้านิพพานที่เมืองของตน พระบรมสารีริกธาตุจึงเป็นสมบัติของเมืองนี้เท่านั้น

เมื่อเจ้ามัลลกษัตริย์ไม่ยอมแบ่ง บรรดาเจ้านครทั้ง ๗ ก็ไม่ยอม จะขอส่วนแบ่งให้ได้
สงครามแย่งพระบรมสารีริกธาตุก็ทำท่าจะเกิดขึ้น แต่พอดีท่านผู้หนึ่งซึ่งชื่อ “โทณพราหมณ์”
ได้ระงับสงครามไว้เสียก่อน โทณพราหมณ์ อยู่ในเมืองกุสินารา ตามประวัติแจ้งว่าเป็นผู้เฉลียวฉลาดในการพูด
เป็นที่เคารพนับถือของเจ้านครไม่มีเจ้านครผู้ใดไม่เป็นศิษย์ของโทณพราหมณ์
ได้ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติในสมัยปัจจุบัน คือ
ได้ระงับสงครามไว้โดยได้ปราศรัยให้ที่ประชุมฟังว่า

“พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงสรรเสริญขันติธรรม และสามัคคีธรรม แล้วเราทั้งหลายจะมาทะเลาะวิวาท
ทำสงครามกันเพราะพระบรมสารีริกธาตุเป็นเหตุทำไม มาแบ่งกัน ให้ได้เท่า ๆ กันดีกว่า
พระบรมสารีริกธาตุจักได้แพร่หลาย และเป็นประโยชน์แก่มหาชนทั่วโลก”

ที่ประชุมเลยตกลงกันได้ โทณพราหมณ์จึงทำหน้าที่ แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๘ ส่วน โดยใช้ “ตุมพะ” คือ
ทะนานทอง เป็นเครื่องตวง ให้เจ้านครทั้ง ๗ คนละส่วน เป็น ๗ ส่วน อีกส่วนหนึ่งเป็นของเจ้านครกุสินารา
แล้วเจ้านครทั้งหมด ต่างอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุนั้น ใส่ผอบนำไปบรรจุสถูปยังเมืองของตน ๆ
ฝ่ายโทณพราหมณ์ผู้ทำหน้าที่แบ่ง ได้ขอเอาทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุนั้นไปเป็นที่ระลึก
แล้วนำไปบรรจุไว้สถูปต่างหาก การแจกพระบรมสารีริกธาตุก็เสร็จสิ้นลงด้วยความเรียบร้อย

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 10:15:43] mail not show 125.24.253.93

Comment : 88

Zoom ++ Click

น้องคนนี้ก็มายืนดู น่ารักเชียว อิอิ เด๋วเราจาไปกันต่อที่ มงกุฏพัน

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 10:32:03] mail not show 125.24.253.93

Comment : 89

Zoom ++ Click

มกุฏพันธนเจดีย์ ที่ถวายพระเพลิง พระพุทธสรีระ อยู่ทิศตะวันออกของนครกุสินารา ที่มาของวันอัฐมีบูชา
พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานใต้ต้นสาละในราตรี ๑๕ ค่ำ เดือน ๖
พวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิด ที่มีอยู่ใน เมืองกุสินาราตลอด ๗
วัน แล้วให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า ๘ คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระไปทางทิศตะวันออก
ของพระนคร เพื่อถวาย พระเพลิง พวกเจ้ามัลละถามถึงวิธีปฏิบัติพระสรีระกับพระอานนท์เถระ
แล้วทำตามคำของพระเถระนั้นคือ ห่อพระสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก
ทำเช่นนี้จนหมดผ้า ๕๐๐ คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธานด้วยดอกไม้จันทน์
และของหอมทุกชนิด จากนั้นอัญเชิญ พวกเจ้ามัลละระดับหัวหน้า ๔ คน สระสรงเกล้า และนุ่งห่มผ้าใหม่
พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจให้ไฟติดได้ จึงสอบถามสาเหตุ พระอนุรุทธะ พระเถระ แจ้งว่า
"เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ ๕๐๐ รูป
ผู้กำลังเดินทางมาเพื่อถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุกไหม้" ก็เทวดา เหล่านั้น
เคยเป็นโยมอุปัฏฐากของพระเถระ และพระสาวกผู้ใหญ่มาก่อน จึงไม่ยินดีที่ไม่เห็นพระมหากัสสปะอยู่ในพิธี

ครั้งนั้นพระมหากัสสปะเถระและหมู่ภิกษุเดินทางจากเมืองปาวา หมายจะเข้าเฝ้าพระศาสดา ระหว่างทาง
ได้พบกับพราหมณ์คนหนึ่ง ถือดอกมณฑารพสวนทางมา พระมหากัสสปะได้เห็นดอกมณฑารพก็ทราบว่า
มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น ดอกไม้นี้มีเพียงในทิพย์โลก ไม่มีในเมืองมนุษย์ การที่มีดอกมณฑารพอยู่
แสดงว่าจะต้องมีอะไร เกิดขึ้นกับพระศาสดา พระมหากัสสปะถามพราหมณ์นั้นว่า
ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพระศาสดาบ้างหรือไม่ พราหมณ์นั้นตอบว่า พระสมณโคดมได้ปรินิพพานไป ล่วงเจ็ดวัน แล้ว
"พระศาสดาปรินิพพานแล้ว" คำนี้เสียดแทงใจของพระภิกษุปุถุชนยิ่งนัก
พระภิกษุศิษย์ของพระมหากัสสปะบางรูป ที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ ก็กลิ้งเกลือกไปบนพื้น
บ้างก็คร่ำครวญร่ำไห้ ว่า "พระศาสดาปรินิพพานเสียเร็วนัก" ส่วนพระภิกษุผู้เป็นอรหันต์
สิ้นอาสวะแล้ว ย่อมเกิดธรรมสังเวชว่า "แม้พระศาสดา ผู้เป็นดวงตาของโลก ยังต้องปรินิพพาน
สังขารธรรมไม่เที่ยงแท้เสียจริงหนอ"

แต่ในหมู่ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปนั้น เสียงของสุภัททะ วุฑฒบรรพชิตก็ดังขึ้น
"ท่านทั้งหลายอย่าไปเสียใจเลย พระสมณโคดมนิพพานไปซะได้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีคนมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช
ว่าสิ่งนี้สมควรกับเรา สิ่งนี้ไม่สมควรกับเรา" คำพูดของหลวงตาสุภัททะ เป็นที่สังเวชต่อ
พระมหากัสสปะยิ่งนัก ท่านคิดว่า "พระผู้มีพระภาคยังนิพพานไปได้ไม่นาน
ก็มีภิกษุบาปชนกล่าวจาบจ้วงพระศาสดา จาบจ้วงพระธรรมวินัยเช่นนี้ ถ้าเวลาผ่านไป ก็คงมีภิกษุบาปชนเช่นนี้
กล่าวจาบจวงพระธรรมวินัยเกิดขึ้นเป็นอันมาก" แต่ท่านก็ยั้งความคิดเช่นนี้ไว้ก่อน
เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะกระทำสิ่งใดๆ นอกจากจะต้องจัดการ ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเสียก่อน

เมื่อพระมหากัสสปะ และภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางมาถึงสถานที่ถวายพระเพลิงมกุฏพันธนเจดีย์แล้ว
ห่มจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลี กระทำประทักษิณ รอบเชิง ตะกอน ๓ รอบ
พระมหากัสสปะเปิดผ้าทางพระบาทแล้ว ถวายบังคมพระบาททั้งสองด้วยเศียรเกล้า
โดยท่านกำหนดว่าตรงนี้เป็นพระบาทแล้ว เข้าจตุตถฌาน อันเป็นบาทแห่งอภิญญา ออกจากฌานแล้วอธิษฐานว่า
"ขอพระยุคลบาท ของพระองค์ที่มีลักษณะเป็นจักรอันประกอบด้วยซี่พันซี่ ขอจงชำแรกคู่ผ้า ๕๐๐ คู่
พร้อมทั้งสำลี ไม้จันทน์ ออกเป็นช่อง ประดิษฐานเหนือเศียรเกล้าของข้าพระองค์ด้วยเถิด"
เมื่ออธิษฐานเสร็จ พระยุคลบาทก็แหวกคู่ผ้า ๕๐๐ คู่ออกมา พระเถระจับยุคลบาทไว้มั่น
และน้อมนมัสการเหนือเศียรเกล้าของตน มหาชนต่างเห็นความอัศจรรย์นั้น ก็ส่งเสียงแสดงความอัศจรรย์ใจ
เมื่อพระเถระและภิกษุ ๕๐๐ รูป ถวายบังคมแล้ว ฝ่าพระยุคลบาทก็เข้าประดิษฐานในที่เดิม
ครั้นแล้วเปลวเพลิงก็ลุกโพลงท่วมพระสรีระของพระศาสดา ด้วยอำนาจของเทวดา ในการเผาไหม้นี้
ไม่มีควันหรือเขม่าใดๆฟุ้งขึ้นเลย เมื่อเพลิงใกล้จะดับ ก็มีท่อน้ำไหลหลั่งลงมาจากอากาศ
และมีน้ำพุ่งขึ้นจากกองไม้สาละ ดับไฟที่ยังเหลืออยู่นั้น เหล่าเจ้ามัลละก็ปะพรมพระบรมสารีริกธาตุ
ด้วยของ หอม ๔ ชนิด รอบๆบริเวณ ก็โปรยข้าวตอกเป็นต้น แล้วจัดกองกำลังอารักขา จัดทำสัตติบัญชร
(ซี่กรงทำด้วยหอก) เพื่อป้องกันภัย แล้วให้ขึงเพดานผ้าไว้เบื้องบน ห้อยพวง ของหอม พวงมาลัย พวงแก้ว
ให้ล้อมม่านและเสื่อลำแพนไว้ทั้งสองข้าง ตั้งแต่มกุฏพันธนเจดีย์ จนถึงศาลาด้านล่าง
ให้ติดเพดานไว้เบื้องบน ตลอดทางติดธง ๕ สีโดยรอบ ให้ตั้งต้นกล้วย และหม้อน้ำ
พร้อมกับตามประทีปมีด้ามไว้ตามถนนทุกสาย พวกเจ้ามัลละนำพระธาตุทั้งหลายวางลงในรางทองแล้ว
อัญเชิญไว้บนคอช้าง นำพระธาตุเข้าพระนครประดิษฐานไว้บนบัลลังก์ที่ทำด้วยรัตนะ ๗ อย่าง กั้นเศวตร
ฉัตรไว้เบื้องบน แล้วจัดกองกำลังอารักขาอย่างนี้คือ "จัดเหล่าทหารถือหอกล้อมพระธาตุไว้
จากนั้นจัดเหล่าช้างเรียงลำดับกระพองต่อกันล้อมไว้ พ้นจากเหล่าช้างก็เป็น เหล่า ม้าเรียงลำดับคอต่อกัน
จากนั้นเป็นเหล่ารถ เหล่าราบรอบนอกสุดเป็นทหารธนูล้อมอยู่" พวกเจ้ามัลละจะจัดฉลองพระบรมธาตุตคลอด
๗ วัน ต้องการความมั่นใจว่า ๗ วัน นี้แม้จะมีการละเล่นก็เป็นการละเล่นที่ไม่ประมาท

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 10:46:04] mail not show 125.24.253.93

Comment : 90

Zoom ++ Click

เดี๋ยวเราจะออกจากกุสินาราแล้ว ไปกราบลาพระพุทธเจ้า กัน

นึกถึงปัจฉิมาวาจา ของพระผู้มีพระภาคแล้วน้ำตาจะไหล

ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือนเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอทั้งหลาย
จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
นี่เป็นวาจาครั้งสุดท้ายของตถาคต"

แม้แต่สัมมาสัมพุทธเจ้า ความตายก็ไม่เคยละเว้น

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 10:59:22] mail not show 125.24.253.93

Comment : 91

Zoom ++ Click

เราจะเดินทางไปเนปาล เมืองประสูติเจ้าชายสิทธัตถะ

วันนี้เป็วันปีใหม่อินเดียพอดี เล่นสีกันซะ (คล้ายๆสงกานเมืองไทย)

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 11:05:57] mail not show 125.24.253.93

Comment : 92

Zoom ++ Click

ระหว่างทาง ผ่านป่าสาระ สวยมาเลยเรียกต้นสาละอยากจะงง บ้านเค้าเราเรียกว่า ต้นรัง คิคิ...

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 11:11:55] mail not show 125.24.253.93

Comment : 93

Zoom ++ Click

5 โมงเย็นแล้ว ยังไม่ถึงชายแดนเลย

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 11:13:47] mail not show 125.24.253.93

Comment : 94

Zoom ++ Click

โปรดทราบที่นี่วัดไทย 960 ชายแดน อินเดีย-เนปาล มีป้ายประกาศผู้สร้างด้วย

ใครชวยแท๊กป้าแขกให้ที อิอิ

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 11:28:01] mail not show 125.24.253.93

Comment : 95

Zoom ++ Click

ที่ 960 นี่ขึ้นชื่อหลายอย่าง ที่ดังที่สุดก่อนเจ้านี่แหละ ห้องน้ำ 960


อธิบาย ที่เรียก 960 ย่อมาจาก รัชกาลที่ 9 ครบรอบ 60 ปี

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 11:35:15] mail not show 125.24.253.93

Comment : 96

Zoom ++ Click

ที่ขึ้นชื่ออีกอย่างที่นี่ โรตีทอด จิ้มนม อร่อยมาก

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-01-25 11:39:28] mail not show 125.24.253.93

Comment : 97

Zoom ++ Click

กินโรตีเสร็จก็เดินทางสู่ชายแดนเนปาลครับไม่ไกลจาก 960 มากนัก ในรูปคือด่านชายแดนเนปาลครับ มาถึงก็ค่ำๆ
ใช้เวลารอที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง

m_a37c31d.jpg thepotter_2006 [2011-02-15 11:36:07] mail not show 125.25.3.16

[ 1 ] 2

Bookmark and Share

Reply

 



Board v.0.12 beta :: Powered by : PacketLove.com | รับทำ SEO | electric cigarette | เว็บไซต์สำเร็จรูป | เว็บสำเร็จรูป | นั่งสมาธิ| สติปัฏฐาน dentist bangkok | implant bangkok | veneer bangkok | implant thailand | dentist sukhumvit | dental sukhumvit | fast braces bangkok | tooth whitening bangkok | Huahin Resort | Pool Villa Huahin |

© 2543-2562-THAILAND, All rights reserved.