Detail

ทริปนี้เป็นทริปเฉพาะกิจ... ตามล่าหาดอกหงอนนาค ที่ภูสอยดาวหลังจากที่ ผลัด... เลื่อน... เบี้ยว...
ไม่ได้ปีนภูสอยดาวซะหลายหน เลยได้โอกาสเหมาะซะที
พอได้ข่าวว่าดอกหงอนนาคบานเต็มทุ่งแล้วที่ภูสอยดาว ก็จัดการแพ๊คกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางเลย...

ป.ล.ทริปนี้ทั้ง 3 วัน 2 คืน เจอหมอกทั้งฝน วันนึงมี24ชั่วโมงฝนนตกซะ14ช.ม. ฟ้าปิดทัศนะวิสัยปิดหมอกลง
ซะ 8 ชั่วโมง แทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน น้ำค้างหยดอย่างกับฝน แทบจะไม่อยากยกกล้องขึ้นมา
รูปเลยเป็นเช่นนี้

Comment : 1

ครั้งนี้ ไช้บริการรถโดยสาร เชิดชัยทัวร์ นั่งจากหมอชิด-พิษณุโลกป.1 ราคา 277 บาท ไช้เวลา4ชั่วโมง
บวกลบนิดหน่อย ลงที่บ.ข.ส พิษณุโลก

ป.ล. 1 รถทัวร์กรุงเทพ-พิษณุโลก แนะนำยี่ห้อ พิษณุโลกยานยนต์,สุโขทัยวินทัวร์, 999, ทันต์ทจิตทัวร์,
เชิดชัย, ตามลำดับ
ป.ล. 2 จากบ.ข.ส.พิษณุโลก มีรถเหมาไปถึงน้ำตกภูสอยดาว เลยได้ มีราคา 2000กว่าๆ-3000กว่าๆ แล้วแต่ต่อรอง

Comment : 2

ต่อจากบ.ข.ส. พิษณุโลก นั่งรถระหว่างอำเภอ มาลงที่ตลาด อ.ชาติตระการ คนละเกือบๆร้อยบาท ประมาณ 2
ชั่วโมงก็ถึง

ป.ล. รถทัวร์ถึง บ.ข.ส. พิษณุโลก ประมาณ ตี3 ตี4 ทันจับรถ ชาติตระการ เที่ยวแรก ตี5 นะ

Comment : 3

แว้นนนนนนนน.....ปาด

แล้วจอดมอไซต์รอชมต่อ

Comment : 4

จากตลาดชาติตระการ ต่อรถสองแถวมาลงหน้าน้ำตกภูสอยดาวได้เลย มีเที่ยว 10 โมงกับเที่ยงวัน ระยะทาง
80กว่ากิโล ค่ารถเท่าไรไม่รู้
เพราะโชคดีโบกรถได้เลยไม่ได้ขึ้นสองแถว



ป.ล. ควรซื้อเสบียงจากพิษณุโลกหรือตลาดที่อ.ชาติตระการ

เอออออ..... จะตี2แล้วยังโดนปาด...เฮ้ออออ....

Comment : 5

ถึง น้ำตกภูสอยดาว 10 โมงกว่าๆ
กรอกเอกสาร จ้างลูกหาบ +เตรียมตัวเสร็จ กว่าจะเริ่มเดินก็ 11 โมง เฮ้อ...

ค่าทำเนียมอุทยานคนละ 40 บาท
กรอกเอกสาร รับเบอร์สัมภาระ(ใบละ2บาท)
มัดจำขยะ 150 บาท
ลูกหาบกิโลละ 20 บาท

ป.ล. 1 ช่วงเปิดภูอาทิตย์แรกๆ ต้องแจ้ง เช่าอุปกรณ์ ( เช่น เต๊นท์ ถุงนอน ที่รองนอน ฯลฯ )
จากข้างล่างนะ
เนื่องจาก ช่วงปิดภู เจ้าหน้าที่เอาอุปกรณ์ทั้งหมดลงมาทำความสะอาดข้างล่าง
ต้องเเจ้งความประสงค์ว่าจะเช่าอะไรกับเจ้าหน้าที่ข้างล่าง
เจ้าหน้าที่จะให้ลูกหาบเอาขึ้นมาให้
ข้างบนไม่มีของ นะจ๊ะ
ป.ล. 2 บนลานสนไม่มีร้านขายของนะจ๊ะ อาหาร น้ำดื่ม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ไม่มีขาย
ต้องนำขึ้นไปทำกินเอง

Comment : 6

ดูแผนที่ก่อนเดิน เฮ้อ....

เริ่มท้อนิดๆ

Comment : 7

ดูรายละเอียด อ.ช.ภูสอยดาวนิดนึง
ภูสอยดาว ทุ่งดอกไม้แสนสวยยามฤดูฝน ภูสอยดาวเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่เดิมเป็นวนอุทยานภูสอยดาว
จัดตั้งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2533 โดยครอบคลุมพื้นที่ 48,962 ไร่ ในท้องที่อำเภอน้ำปาด
จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ต่อมาส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้
ได้สำรวจพื้นที่ป่าเพิ่มเติมท้องที่อำเภอบ้านโคก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ
จังหวัดพิษณุโลก เมื่อปี 2537 โดยครอบคลุมพื้นที่ 125,110 ไร่ หรือ 199 ตารางกิโลเมตร
เพื่อจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
สภาพทั่วไป

ภูสอยดาวมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำปาด
มีเทือกเขาภูสอยดาวทอดตัวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว
ยอดภูสอยดาวมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ( อยู่ในเขตประเทศลาว ) สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์
ประกอบด้วยชนิดของป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง
จึงทำให้มีลักษณะภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี ( ภูสอยดาวในเขตไทย หมายถึงลานสนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูสอยดาว
อยู่ที่ระดับความสูง 1,633 เมตร )

แต่ก่อนนั้นเคยมีคนเปรียบเทียบภูสอยดาวเป็นภูกระดึง2
ทั้งนี้เพราะว่าสภาพพื้นที่และป่าสนที่มีลักษณะคล้ายกัน
แต่สิ่งที่ภูสอยดาวต่างกับภูกระดึงและเด่นกว่าคือสภาพป่าสนที่เป็นเนินสลับซับซ้อนให้บรรยากาศของการเดินเ
ที่ยวบนภูได้มากกว่า อีกทั้งระยะทางการเดินเที่ยวบนภูยังไม่ไกล สามารถเดินชมโดยรอบเพียงวันเดียว
แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ บนภูอยู่ไม่ไกลกันไม่ว่าจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกซึ่งอยู่ห่างจุดตั้งแคมป์เพียง 10
นาที จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ห่างเพียง 30 นาทีโดยประมาณ
ทุ่งดอกไม้มีอยู่ทั่วไปบนภูและมีมากที่สุดบริเวณจุดกางเต็นท์
ทุ่งดอกไม้บนภูมีหลายชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกดอกให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชื่นชมตลอดฤดูฝนจนถึงช่
วงต่อฤดูหนาว

Comment : 8

เริ่มออกเดินๆ

ทริปนี้ ป๊อด...กลัวไม่ไหว จ้างลูกหาบทั้งขาขึ้น ขาลง

แบกไปแต่น้ำกับข้าวเที่ยงไปเอง

จ้างลูกหาบแบก 30กิโลได้

Comment : 9

ไอ้ขี้เกียจจจจจจจ

Comment : 10

เห็ด...

เจอะประปรายตามริมทาง

เจอกระโถนพระฤษีด้วยแต่ยังไม่บานเสียดายๆ

CM9<<==== จ๊ะ.....พ่อคนขยัน นอนเยอะๆนะจะได้หายไวๆ

Comment : 11

เริ่มขึ้นเนินแรก " เนินส่งญาติ "

ชันสมคำล่ำรือ

เนินส่งญาติ เป็นจุดสุดท้ายที่ญาติๆสามารถมาส่งทหารขึ้นไปรบที่สมรภูมิร่มเกล้าด้านบน เลยได้ชื่อว่า
" เนินส่งญาติ "

ป.ล.ทางเดินขึ้นภูสอยดาวดีมากๆ ทำเป็นบันไดเดินง่ายมากๆ
องค์ภาฯ พึ่งเสด็จปีที่แล้ว ทางอุทยานเลยทำทางใหม่ทางดีมากๆ

Comment : 12

พ้นเนิน ส่งญาติแล้ว เฮ้อ...

ตอนขึ้นเนินลืมถ่ายรูป มัวแต่ปีนบันได 555+

เนินต่อไป เนินปราบเซียน

Comment : 13

เดินป่าหน้าฝน เขียวจริงๆ ชอบมากๆ

Green Season

Comment : 14

เนินต่อไป...

ไม่ได้ถ่ายรูปมาทุกเนินนะ

พอพ้นเนินปราบเซียน ฝนเริ่มตก หมอกเริ่มลง เลยไม่กล้ายกกล้องขึ้นมา

Comment : 15

หมอกเริ่มลง

Comment : 16

กิ่งไรไม่รู้สวยดี

Comment : 17

เดินไปทางไหนก็มีแต่หมอก

ระหว่างทางคุยกับพี่ลูกหาบ

คนนึงแบกได้เฉลี่ย 20 กิโล

ถ้าคนไหนชั่วโมงบินสูงๆ แบกได้ถึง 50 กิโล !!!! นั้นเท่าน้ำหนักผู้หญิงคนนึงเลยนะนั้น

Comment : 18

Comment : 19

หมอกกกก ทริปนี้เดินแบบเย็นสบายมากๆๆๆ

Comment : 20

เนินต่อไป... เนินเสือโคร่ง

มีต้นกำลังเสือโคร่งขึ้นเยอะ

อีก1.6 กิโล ชิวๆ....

คร๊อกกกกกกกกก.....

Comment : 21

Comment : 22

เกือบถึงแล้ว เนินมรณะ

ทางเดินทางอุทยานทำไว้ดีมากๆ ทางชันๆก็ทำเป็นบันไดเหล็กมีราวให้จับไว้ให้ หรือไม่ก็
เซาะทางให้เป็นขั้นบันไดเอาไม้ปู เดินง่ายมากๆ

Comment : 23

ฝนตกแล้ว ทำให้ป่ามีชีวิตชีวาขึ้น
เดินขึ้นมาสูงเรื่อยๆ ต้นไม้ ก้อนหินเริ่มใส่เสื้อแล้ว ท่าทางจะหนาว555+

Comment : 24

กว่าจะพ้นเนินมรณะมาได้ หมดไปหลายเหนื่อย...

ระหว่างทางขึ้นเนินมรณะ ฟ้าปิด ฝนตกหนาเม็ดมากๆ ไม่เห็นอะไรเลย เซ็งงงงงง.........

Comment : 25

Comment : 26

ถึงแล้ววววววววววววววววววว

เริ่มเดิน 11โมง ถึงยอดบ่ายสามบวกลบนิดหน่อย

Comment : 27

จากป้ายผู้พิชิต ต้องเดินไปอีกนิด กว่าจะถึงลานกางเต๊นท์

Comment : 28

ฟ้าเน่ามากๆ เฮ้อ...

Comment : 29

ภาพแรกที่เห็น... โอ๊วววว ลานสน!!!!

Comment : 30

Comment : 31

ลานสนภูสอยดาว ภูสอยดาว เทือกเขาสูงนั่นคือ ภูสอยดาว จุดสูงสุดคือ 2,035 เมตร ณ ที่จุดสูงสุดคือ
เสาหลักเขตประเทศไทย-ลาว เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ได้ขึ้นไปเที่ยวกัน
ภูสอยดาวที่คนเขาพูดกันว่ามีทุ่งดอกไม้สวยคือ ลานสนภูสอยดาว
นั่นก็คือที่ราบบนภูที่เป็นทุ่งกว้างมีต้นสนสามใบขึ้นอยู่จำนวนมาก
ที่พื้นเป็นทุ่งหญ้าที่จะออกดอกสวยงามในช่วงฤดูฝนจนถึงปลายฤดูฝน
หากดูในภาพแล้วก็คือพื้นที่ราบที่เห็นอยู่นี่แหล่ะ ที่ราบ หรือ
ลานสนภูสอยดาวนี้อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,600 เมตร
และมีจุดสูงสุดอยู่บริเวณจุดชมวิวด้านทิศเหนือด้วยระดับความสูง 1,633 เมตร
ถึงแม้จะดูไม่สูงมากแต่ก็สูงกว่าภูกระดึงที่สูงเพียง 1,280 เมตร
บริเวณลานสนมีที่ราบที่กว้างเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้
บริเวณกลางพื้นที่มีลำธารไหลผ่านเหมาะสำหรับตั้งแค้มป์พักแรมเป็นอย่างยิ่ง
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและลานกางเต็นท์ก็อยู่ที่ลานสนนี้
ลักษณะโดยทั่วไปของลานสนเป็นพื้นที่ราบสลับเนินเตี้ย
ทั่วทั้งพื้นที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าและป่าสนที่มีลักษณะเป็นป่าโปร่งเหมาะสำหรับเดินเที่ยว
พื้นที่บนยอดภูไม่กว้างใหญ่เหมือนกับภูกระดึงจึงทำให้เดินชมบรรยากาศบนยอดภูได้อย่างสบายๆ ไม่เหนื่อยมาก
ตลอดเส้นทางมีดอกไม้ในทุ่งหญ้าออกดอกให้ชมอย่างสวยงาม
การเดินทางขึ้นไปชมลานสนภูสอยดาวต้องเดินขึ้นไป ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร

Comment : 32

บนลานสน มีหน่วยของเข้าหน้าที่ ตั้งอยู่ มีบริการเช่าผ้าห่ม ผ้ารองนอน เตา+3ขา ถังน้ำ(ถังละ20บาท
จำเป็นมากๆไว้ไช้ตักน้ำจากลำธารมาไช้) มีห้องน้ำไว้ให้บริการ
แต่ไม่มีน้ำต้องตักน้ำจากลำธารด้านหลังมาเอง

Comment : 33

Comment : 34

Comment : 35

ข้ามมาวันที่2เลยละกัน วันแรกเดินถึง บ่าย3 จัดที่หลับที่นอน ขึงฟรายชีท กางเต๊นท์ เสร็จฝนตกหมอกลง
เลยต้องนั่งทำลายเสบียงมื้อที่2

หนาวมากๆ ไม่ได้เดินไปไหนเลย

Comment : 36

ออกมาเดินสำรวจลานสนหน่อย ...

Comment : 37

หมอก หรือ เมฆหว่า

พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า หน้าฝน บนภูจะปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งวัน

Comment : 38

ทัศนะวิสัยปิด ทั้งวัน
อากาสชื้นมากๆ สงสารกล้อง กลับไปต้องเอาเข้าล้างที่ศูนย์ T-T

Comment : 39

Comment : 40

ระหว่างทางกลับแคมท์ เจอพี่เจ้าหน้าที่พานักท่องเที่ยวเดินลงไปน้ำตกสายทิพย์พอดี เลยได้โอกาส
บวกไปด้วยซะเลย

Comment : 41

ทางลงน้ำตกสายทิพย์ น่าจะระยะประมาณ200-400เมตร ทางค่อนข้างชัน(ชันกว่าเนินมรณะอีก)+ลื่น ต้องระวังมากๆ

Comment : 42

แต่สวยนะ คุ้มๆกับเหงื่อที่เสียไป

Comment : 43

น้ำตกสายทิพย์ เป็นน้ำตกที่อยู่บน ลานสน และมีความสำคัญต่อนักท่องเที่ยวทุกคณะ
เนื่องจากต้องใช้น้ำตกสายนี้ดื่มกิน และใช้สอยในด้านต่างๆ เมื่อไปพักแรมบนลานป่าสนของ ภูสอยดาว
น้ำตกสายทิพย์นี้มีความสูง 7 ชั้น

Comment : 44

จากป้ายน้ำตกเราเดินลงไปอีก

มีชั้นน้ำตกใหญ่กว่าอยู่ข้างล่าง เดินลงไปอีกประมาณ10นาที คนไม่ค่อยไปกัน ส่วนมากจะหยุดอยู่ที่ป้ายน้ำตก

Comment : 45

เดินลงไปตามทางน้ำแปบเดียวก็ถึง

เขียวได้ใจๆ

Comment : 46

เป็นบริการพิเศษจาก พี่เจ้าหน้าที่

Comment : 47

กลับขึ้นมาจากน้ำตก ทางเดินชันเรียกเหงื่อได้พอควรเลยละ

ต่อไปเป็นเป้าหมายหลักของทริปนี้แล้ว

" ทุ่งดอกหงอนนาค "

Comment : 48

บานเต็มทุ่งเลยยยยยยยยยยย

Comment : 49

Comment : 50

ชื่ออื่นๆ : น้ำค้างกลางเที่ยง หญ้าหงอนเงือก หงอนเงือก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Murdannia giganteum ( Vahl. ) Br.

ลำต้น : สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นอวบน้ำ ใบรูปดาบ กว้าง 4.12 มม. ยาว 15-40 ซม.
ออกสลับรอบข้อที่ผิวดิน

ดอก : ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือปลายยอด ดอกสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู
ซึ่งค่อนข้างหายาก กลีบดอก 3 กลีบ กลีบตรงกลางด้านบนจะตั้งฉากกับกลีบด้านข้างทั้ง 2 กลีบ
ยามเช้าจะหุบดอก แล้วจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่

แหล่งที่พบ : ขึ้นบริเวณลานดินทรายที่มีน้ำขังหรือทุ่งหญ้าป่าสนบนภูเขาสูงๆ ที่ชุ่มชื้น
จุดที่มีหงอนนาคทุ่งใหญ่ที่สุดของไทยอยู่ที่ภูสอยดาว นอกจากนี้ยังพบได้อีกหลายแห่งเช่น เขาสมอปูน
ทุ่งโนนสน เขาใหญ่ และอีกหลายที่

ช่วงเวลาออกดอก ส.ค. - ต.ค.