Detail

งานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลกและงานกาชาด ประจำปี 2552
วันที่ 11 - 20 ธันวาคม 2552
ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

กิจกรรม
- สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ บริเวณมณฑลพิธีหน้าวิหารพระมงคลบพิตร
- การแสดงแสง-เสียง ณ วัดมหาธาตุ
- การจำลองบรรยากาศวิถีชีวิตไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา ตลาดย้อนยุค
ณ บริเวณพื้นที่หน้าการแสดงแสง-เสียง
- การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า "ผลิตภัณฑ์ชุมชน" ของดี 16 อำเภอและกลุ่มจังหวัด ณ
บึงพระราม
- การแสดงนิทรรศการด้านการเกษตร พันธุ์ไม้ยอดนิยม ไม้ดอก ไท้ประดับ ณ บึงพระราม
- มหกรรมสินค้าอิ่มอร่อย อยุธยามรดกโลก นวดแผนไทย ณ คุ้มขุนแผน
- การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำองค์กรท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป
ณ วงเวียนน้ำพุ อยว.
- การประกวดพระเครื่องอยุธยา ณ เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา
- การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีและเอกลักษณ์ไทย การประกวดธิดากรุงเก่า ณ เวทีกลาง
- การออกร้านกาชาด สลากกาชาดการกุศล และรางวัลนาทีทอง ณ วงเวียนน้ำพุ อยว.
- คาราวานสินค้า ณ บึงพระราม

ลองลิ้มชิมรสอาหารตามเดือนพระราชพิธี
อาหารเดือนสี่ ได้แก่ ข้าวบุหรี่ อาจาด ต้มฟักสลักลาย (โบราณ) แกงมัสมั่น สตู
ข้าวเหนียวแดง ยำส้มโอ ข้าวเหนียวแก้ว กาละแม น้ำอัฏฐบาล
อาหารเดือนห้า ได้แก่ แกงคั่วส้มปลาเค็ม ขนมจีน น้ำยา น้ำพริก ลอดช่องน้ำกะทิ
(ไข่กบ นกปล่อย นางลอย ไอ้ตื้อ) น้ำอัฏฐบาล
อาหารเดือนสิบสอง ได้แก่ สะเดาน้ำปลาหวาน (กุ้งเผา ปลาเผา) แกงร้อนใส่กะทิ
ต้มกระดูกหมูถั่วลิสง ขนมเบื้องโบราณ ขนมค้างคาว ขนมคอเป็ด พริกกับเกลือ น้ำอัฏฐบาล
ชมการสาธิต การแกะสลักผัก ผลไม้ ศิลปะลายรดน้ำ อาหารตามประเพณี ขนมมงคลต่างๆ อาทิ จ่ามงกุฎ ทองเอก
เสน่ห์จันทร์ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง สนุกกับการจับจ่าย ซื้อสินค้าด้วย “เงินพดด้วง”
การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นบ้าน สืบสานวัฒนธรรม

สอบถามรายละเอียดได้ที่
ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ททท. สำนักงานพระนครศรีอยุธยา
โทรศัพท์ 0 3532 2730-1
ที่ทำการปกครองจังหวัด (เสมียนตราจังหวัด) ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โทร. 0 3533 6563

Comment : 1

เราออกเดินทางกันวันเสาร์ที่ 12 ธ.ค ตามคำเชิญจาก ททท.อยุธยา...เมื่อรับฟังและพูดคุยกับ
ททท.อยุธยาแล้ว เวลาเพิ่งจะเดินทางมาที่บ่ายโมง

เลยแวะชมพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสำนักงาน ททท. ซะหน่อย

Comment : 2

ด้านในเก็บรวบรวมของเก่าแก่ โบราณวัตถุมีค่า น่าสนใจมากมาย เสียดายห้ามเก็บภาพครับ
แต่อยากแนะนำว่าใครผ่านมาอยุธยา แวะซะหน่อย ไม่ผิดหวังครับ

Comment : 3

ในบริเวณเดียวกัน จะมีอีก 2 ส่วนให้ได้เดินชมครับ

รวมถึงนี่ด้วย เรือนไทยครับ มานั่งพัก ชิวๆ

Comment : 4

เวลายังพอมีเหลือ เราเลยเดินเล่น 2 วัดซึ่งใกล้ๆบริเวณจัดงานแสงสีเสียง คือ
วัดพระมหาธาตุกับวัดราษฎรบูรณะ


ปล. ในรูปไม่ใช่รูปปั้น อนุสาวรีย์อะไรที่ไหนนะครับ เป็นคนที่ชอบยืนหลังกระบะจัง
แถมยังกล้าเต้นบนกระบะกลางสี่แยกไฟแดงด้วย เดาไม่ยากครับ 55555

Comment : 5

มาวัดมหาธาตุ ไม่มามุมนี้ มาไม่ถึงครับ ว่าแล้วก็ แชะกันใหญ่

Comment : 6

บรรยากาศเงียบสงบดีครับ

Comment : 7

มาวัดราษฎรบูรณะบ้างครับ อยู่ข้างๆกัน

Comment : 8

มาที่นี่ก็ต้องขึ้นไปที่กรุวัดราษฎรบูรณะครับ ไม่งั้นมาไม่ถึงเหมือนกัน

Comment : 9

ข้างในกรุครับ อารมณ์เหมือนปิระมิด อิอิอิ แต่ไม่ลึก กว้างใหญ่ขนาดนั้น

Comment : 10

มุมจากข้างนอกบ้าง

Comment : 11

ได้เวลาอันสมควรแล้ว เดินไปในงานก่อนดีกว่า

Comment : 12

พวกเราแอบแวบเข้าไปชมสถานที่แสดงงานแสงสีเสียงด้วย พวกฉากต่างๆ ทำได้สวยงามทีเดียว

Comment : 13

ค่ำนี้ เขาจะมาสู้รบกันที่นี่ หุหุหุ

Comment : 14

ช้าง แม่ทัพ นายกอง ทหาร จะวิ่งออกมาจากประตูนี้

Comment : 15

ฉากทำได้กลมกลืนมากๆเลยครับ อยากดูซะแล้ว

Comment : 16

งานแสงสีเสียง จะมีรอบ 1 ทุ่มครึ่ง โดยงานช่วงเย็น จะมีโชว์แสดง คีตศิลป์ ถิ่นประวัติศาสตร์ก่อน

Comment : 17

ซึ่งในบริเวณจัดการแสดง จะจำลองบรรยากาศวิถีไทย สมัยอยุธยา

Comment : 18

ใครอยากกิน อยากชิมอาหารคาว หวานซุ้มไหน ก็ต้องแลกเป็นเงินพดด้วงก่อน ย้อนยุคจริงๆ

Comment : 19

แม่ค้าทั้งหลายยังพร้อมใจกันแต่งชุดไทยมานั่งขายอีก เหลือแต่นักท่องเที่ยวนี่ล่ะ ถ้าแต่งไทยมาอีก
ก็เหมือนอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว 55

Comment : 20

สมัยนั้นเหล้าไม่มี มีแต่ยาดอง อิอิ

Comment : 21

เดินเล่นรอบๆมาพอสมควร ก็มาจุดที่ ทาง ททท.จัดให้พวกเราเป็นพิเศษ เพื่อนั่งชมการแสดง
พร้อมทานอาหารเสริมสิริมงคลในบรรยากาศเจ้านายสมัยอยุธยาซะด้วย

Comment : 22

โฉมหน้าอาหารเสริมสิริมงคลครับ หลายๆอย่างอาจจะคุ้นๆกันดีอยู่แล้ว รสชาติอร่อยมากๆครับ
ไม่ต้องบอกว่า...ไม่เหลือสักอย่าง 555

Comment : 23

อิ่มแล้วก็เตรียมชมการแสดง คีตศิลป์ ถิ่นประวัติศาสตร์ครับ ซึ่งเป็นการร่วมเล่นกันระหว่างวง
ออเคสตร้าและวงปี่พาทย์ ประกอบการแสดงแสงสีเสียงบนเวที

Comment : 24

น่าดูชมมากๆครับ ทำได้ดีจริงๆ

Comment : 25

วงปี่พาทย์บรรเลง

Comment : 26

วงออเคสตร้าพร้อมทีมร้องประสานเสียงที่สร้างชื่อระดับโลก

Comment : 27

ตรึงคนดูไว้อยู่หมัดเลยครับ การแสดงแต่ละฉาก

Comment : 28

ร้องรำทำเพลงแบบไทย

Comment : 29

ลงตัวดีครับ ทั้งแสง สี เสียง นักแสดงและฉาก

Comment : 30

แสดงให้เห็นตอนกษัตริย์ไทยเปิดรับชาวต่างชาติ

Comment : 31

ฝรั่ง จีน แขก มาหมดครับ

Comment : 32

ขาดไม่ได้เลยครับ เรือสุพรรณหงส์ ขับเสภาประกอบฉาก งามจริงๆ

Comment : 33

ปิดท้ายด้วยเสียงอันทรงพลังของคุณสันติ ลุนเผ่ สุดยอดจริงๆครับ

Comment : 34

ในบริเวณงานยังมีส่วนของงานศิลป์ชาววัง ซึ่งมีการสาธิตงานศิลป์ไทยๆให้ดูกัน
ส่วนของขนมก็สามารถชิมฟรีๆกันได้เลย หวานปากเลยครับ แหะๆๆ

Comment : 35

การทำทองหยิบ ทองหยอด อร่อยจัง หุหุ

Comment : 36

ไปม่ายชวน....แงๆ
ภาพสวยงามน่าไปๆ
รอชมต่อ

Comment : 37

การร้อยมาลัย ปราณีตบรรจงครับ

Comment : 38

โว้วววววววววววว VIP มากมายก่ายกอง อยากไป แต่ต้องเร่งทำออเดอร์ คร่อก!!!

Comment : 39

ซุ้มนี้กลิ่นหอมอบอวล น้ำอบไทย แป้งร่ำ น้ำหอมแบบไทยจ้า ^_^


ปล. เห็นพี่เอกโพสชวนแล้วนาจอยลี่ ^_^ โอกาสหน้าๆเนอะ

Comment : 40

มีการลงรักปิดทองด้วย สวยงามแท้


ปล. ช่วงนี้ปั่นเงินใหญ่เลยน๊าเจ๊ป้อม 555

Comment : 41

งานแกะสลัก เสน่ห์อาหารไทยที่ต่างชาติทึ่งและขอลองทำ

Comment : 42

ได้เวลาอีก 1 ไฮไลท์ของงานนี้แล้วครับ การแสดงแสงสีเสียง ชุด
"กรุงศรีอยุธยากษัตรามหาราชัน"

Comment : 43

การแสดงแบ่งเป็น 5 องก์ ซึ่งก็เป็นเนื้อเรื่องไล่เรียงไปตั้งแต่ตอนของพระศรีสุริโยทัย
ปลอมตัวเข้าร่วมรบศึกกับพม่า

Comment : 44

ในขณะที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์เสียทีพระเจ้าแปร
สมเด็จพระศรีสุริโยทัยก็แสดงความเด็ดเดี่ยวไสช้างเข้าช่วย

Comment : 45

ทำให้พระเจ้าแปรใช้พระแสงของ้าวฟันถูกพระอังสะขาดสะพายแล่งสิ้นพระชนม์บนคอช้าง


พระสุริโยทัยทรงมีพระโอรสและพระธิดา 4 องค์ คือ พระราเมศวร
ซึ่งมีสิทธิจะได้ราชสมบัติต่อจากพระมหาจักรพรรดิ แต่ในเดือนกุมภาพันธุ์ อยุธยาแพ้สงครามพม่า
พระราเมศวรจึงถูกจับไปเป็นเชลยของพม่า (จึงสิ้นพระสนม์ระหว่างทางที่เชียงใหม่)
พระโอรสองค์ที่สองคือพระมหินทราธิราชขึ้นครองราชย์ในปี2112 แต่ก็เสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าในปีนั้น
พระราชธิดาองค์โตคือพระวิสุทธิกษัตรีย์ พระราชทานให้เป็นมเหสีของพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าเมืองพิษณุโลก
ซึ่งต่อมาเมื่อเป็นกษัตริย์องค์ที่ 18 ของอยุธยา พระวิสุทธิกษัตรีย์ทรงเป็นพระมารดาของพระนเรศวร
พระนางสุพรรณกัลยาและพระเอกาทศรถ ซึ่งทั้ง 3 พระองค์มีส่วนร่วมในตำนานกรุงศรีทั้งสิ้น

Comment : 46

ในยุคของบุเรงนองหรือพระเจ้าหงสาวดีนั้น พม่าเข้มแข็งมาก
จนเป็นเหตุให้ทางพระมหาธรรมราชาจำต้องส่งช้างเผือก 4 เชือกและโอรสองค์โตพระนเรศวรซึ่งมีพระชนมมายุเพียง
9 พรรษา ไปเป็นองค์ประกันให้กับทางหงสาวดีด้วย

Comment : 47

...ครั้นเสร็จศึกอยุธยาพุทธศักราช 2112 (เสียกรุงครั้งแรก) สมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงถวายพระสุพรรณกัลยา
พระพี่นางสมเด็จพระนเรศวร แก่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง แลขอตัวสมเด็จพระนเรศวรไว้ช่วยราชการข้างอยุธยา
สมเด็จพระนเรศวรจึงประทับยั้งอยู่ยังเมืองพิษณุโลกสืบต่อมา

...ครั้นลุปีพุทธศักราช 2114 สมเด็จพระมหาธรรมราชา
ซึ่งพระเจ้าบุเรงนองสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา สืบต่อจากสมเด็จพระมหินทร์
ก็โปรดให้สมเด็จพระนเรศวรเสวยราชย์ครองเมืองพิษณุโลก เป็นใหญ่เหนือหัวเมืองเหนือทั้งปวง


...ดังนั้นพระนางสุพรรณกัลยาจึงถือว่าเป็น 1 วีรสตรีไทยที่เสียสละตัวเองเพื่อชาติ
แม้สุดท้ายจะสิ้นพระชนม์ที่พม่าก็ตาม

Comment : 48

...หลังจากพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองสิ้นพระชนม์ในปีพุทธศักราช 2124
พระเจ้านันทบุเรงได้ขึ้นเสวยราชสืบต่อและได้สถาปนามังสามเกียดขึ้นเป็นรัชทายาทครองตำแหน่งมหาอุปราชาแห่ง
ราชอาณาจักรหงสาวดี


...พระเจ้านันทบุเรงทรงเกรงว่าสืบไปเบื้องหน้าสมเด็จพระนเรศวร จะเป็นภัยต่อพระราชวงศ์แลแผ่นดินหงสา
จึงหาเหตุวางกลศึก หมายจะปลงพระชนม์สมเด็จพระนเรศวรเสียที่เมืองแครง
แต่พระมหาเถรคันฉ่องพระราชครูลอบนำแผนประทุษร้ายนั้นมาแจ้งให้ศิษย์รักได้รู้ความ
สมเด็จพระนเรศวรจึงถือเป็นเหตุประกาศเอกราช ตัดสัมพันธ-ไมตรีกับหงสาวดี
แลกวาดต้อนครัวมอญครัวไทยข้ามแม่น้ำสะโตงกลับคืนพระนคร

Comment : 49

มรดกของชาวไทยนี่น่ายกย่อง ควรค่าแก่การอนุรักษ์จริงๆ

สวยงามมากค่ะ

Comment : 50

...ถึงเวลาสงครามยุทธหัตถี ..... ปีพศ.๒๑๓๓ สมเด็จพระมหาธรรมราชาพระบิดาสวรรคต
สมเด็จพระนเรศวรทรงขึ้นครองราชย์มีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ทางพระเจ้านันทบุเรงยังคิดจะปราบปรามไทยให้ได้
จึงจัดทัพให้พระมหาอุปราชายกทัพหลวงมีกำลังพลสองแสนคน ยกทัพมาทางด่านเจดีย์สามองค์
สมเด็จพระนเรศวรทราบข่าวจึงทรงใช้กลศึกในการรบเพราะมีทหารน้อยกว่ามาก
สั่งให้กองทัพซุ่มรออยู่แล้วแต่งทัพน้อยออกไปล่อข้าศึก
ทางฝ่ายพระมหาอุปราชาเห็นดังนั้นจึงประมาทยกทัพเข้าไล่ตีจนมา
ถึงบริเวณที่ทัพไทยซุ่มรออยู่จึงได้รบพุ่งกันด้วยสามารถจนถึงขั้นตะลุมบอน
ทัพพม่าแตกพ่ายหนีกระเจิดกระเจิง ทัพไทยไล่ตามมาติดๆเกือบจะจับพระมหาอุปราชาได้
เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความอัปยศอดสูให้พระเจ้านันทบุเรงอย่างมาก เพราะว่ายกทัพไปหลายแสนยังแพ้กลับมา
จึงทรงให้แก้ตัวใหม่อีกครั้งคราวนี้พระมหาอุปราชานำกองทัพทหารจำนวนสองแสนสี่หมื่นคนหมายจะชนะศึกครั้งนี้
ประมาณปลายปี พศ.๒๑๓๕ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่าพม่าจะยกทัพใหญ่มาตีไทยอีกแล้ว
จึงทรงเตรียมไพล่พลมีกำลังหนึ่งแสนคน เดินทางออกจากบ้านป่าโมกไปสุพรรณบุรีข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง
และตั้งค่ายหลวงบริเวณหนองสาหร่าย...


(ต่อหน้า 2 จ้า )