"เมื่อตะวันยอแสงเรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้า พักลงตงนี้ที่เดิมแล้วหลับตา ชมลม ชมไทย จะพาเรี่ยวแรงคุณกลับคืน"

ชมไทย www.chomthailand.com ติดต่อโฆษณา บทความ แนะนำการท่องเที่ยว IDLINE : akechomthai T. 089-780 1770 e-mail : chomthailand@gmail.com

โฮมสเตย์ วิถีชีวิต ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  Chomthailand

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน

โรคอีสุกอีใส ที่ใคร ๆ ต่างกลัว ...

ความนิยม 1เข้าชม/อ่าน 1569 ครั้ง2013-4-20 13:03 |เลือกหมวดหมู่:สุขภาพ

ต้องขออนุญาต แชร์ข้อมูลนอกเหนือจากการท่องเที่ยวบ้างนะคะ บางครั้งคนเราอาจจะมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตเกี่ยวกับโรคที่คิดต่อกัน อย่างง่ายดายเพื่อเป็นวิทยาธาน สำหับผู้ที่ต้องการหาข้อมูล  อีสุกอีใส ในครั้งนี้ทำให้ีู้ว่าเด็กที่เป็นเค้าทรมานมากแค่ไหน อะไรที่เขาเล่าขานว่าดี เราก็สรรหสมาเพื่อให้โรคหาย ยานอหตำราแต่ในทางชีวิตจริงมีแต่คนแนะนำคือยาเขียวใหญ่ ทั้งกินและอาบ ช่วยได้มากทีเดียวค่ะแค่ 3 ครั้งในการอาบตุ่มใสเล็ก ๆๆ เริ่มแห้งอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเรารู้ว่าเราเป็นอีสุกอีใส ภายใน 24 ชั่วโมงแรก แนะนำให้ไปหาหมอหรือไปปรึกษาเภสัชกร เพื่อหายา Acycovia มาทานนะคะ ส่วนตัเรารู้ตัวช้าเกิน 48 ชั่วโมงไปแร้วกินไม่ค่อยได้ผลค่ะ ในทางการแพทย์หมอบอกว่าอีสุกอีใสเราสามารถไม่ต้องทานยาจะหายเอง อาจจะมีไข้แทรกทุก ๆ 6 ชั่วโมง จากประสบการณ์ตรงโรคอีสุกอีใส (Chickenpox หรือ Varicella) เป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยโรคหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อไวรัสผู้สูงอายุ โดยโอกาสเกิดใกล้เคียงกันทั้งในผู้หญิง และในผู้ชาย ที่มีชื่อว่า วาริเซลลา ซอสเตอร์ ไวรัส (Varicella zoster virus หรือ เรียกย่อว่า VZV/วีซีวี ไวรัส) โดยทั่วไป เป็นโรคพบในเด็กตั้งแต่อายุประมาณ 1 ขวบ ไปจนถึงอายุประมาณ 12 ปี แต่อย่างไรก็ตาม พบได้ในทุกอายุ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และโรคอีสุกอีใสมีอาการอย่างไร?อาการพบบ่อยของโรคอีสุกอีไส ได้แก่ มีไข้ มีได้ทั้งไข้สูง หรือ ไข้ต่ำ ปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบาย ประมาณ 1-2 วัน หลัง จากนั้น ไข้ลง อาการต่างๆดีขึ้น แต่ผิวหนังจะขึ้นผื่นอย่างรวดเร็ว โดยผื่นจะขึ้น บริเวณใบหน้า และลำตัวก่อน ต่อจากนั้น จึงขึ้นไปที่ หนังศีรษะ ที่ แขน ขา โดยผื่นขึ้นหนาแน่นในส่วนใบหน้า และลำตัว และอาจขึ้นในเยื่อบุช่องปาก และกับผิวหนังของอวัยวะเพศภายนอกผื่นมีลักษณะเป็นผื่นแดง เม็ดเล็กๆ คันมาก ต่อจากนั้นภายใน 1 วัน จะกลายเป็นตุ่มพอง มีน้ำใสๆในตุ่ม (อาจเป็นหนองเมื่อติดเชื้อแบคทีเรีย) อาจมีตุ่มพองทยอยเกิดต่อเนื่องได้อีกภายใน 3-6 วัน และต่อจากนั้นจะแห้งตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และสะเก็ดแผลจะค่อยๆลอกจางหายไป กลับเป็นปกติภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์โรคอีสุกอีใสเกิดได้อย่างไร? ติดต่อได้ไหม?โรคอีสุกอีใส เป็นโรคติดต่อได้อย่างรวดเร็วมาก ทั้งนี้เกิดจากการสัมผัสเชื้อจากผู้ป่วย ทั้งจากในอากาศ จากละอองการไอ จาม การหายใจ การสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง สัมผัสผื่นที่ผิวหนัง และ/หรือ น้ำเหลืองจากตุ่มน้ำของโรค รวมไปถึงการสัมผัสเสื้อผ้า สิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆของผู้ป่วยโรคอีสุกอีใสมีระยะฟักตัว ประมาณ 10-21 วัน และผู้ป่วยจะเริ่มแพร่เชื้อได้ในช่วงประมาณ 5 วันก่อนขึ้นผื่น ยาวไปจนถึงเมื่อตุ่มน้ำแห้งแตกเป็นสะเก็ดหมดแล้ว (การสัมผัสสะเก็ดแผลไม่ติดโรค) ดังนั้นระยะแพร่เชื้อในโรคอีสุกอีใสจึงนานได้ถึง 7-10 วัน หรือนานกว่านี้ในผู้ใหญ่ จึงเป็นสาเหตุให้เป็นโรคติดต่อระบาดได้อย่างกว้างขวางถ้าไม่แยกผู้ป่วยให้ดีแพทย์วินิจฉัยโรคอีสุกอีใสได้อย่างไร?แพทย์วินิจฉัยโรคอีสุกอีใสได้จาก อาการ การเกิดผื่น และการตรวจร่างกาย ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม ยกเว้นในผู้ป่วยที่เกิดผลข้าง เคียงแทรกซ้อนโรคอีสุกอีใสมีวิธีรักษาอย่างไร?เนื่องจากเป็นการติดเชื้อไวรัสยาปฏิชีวนะฆ่าไวรัสไม่ได้ ฆ่าได้แต่แบคทีเรีย พักผ่อนให้เต็มที่ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ใช้ยาทา และ/หรือ ยากินบรรเทาอาการคัน ยาลดไข้ และยาต้านไวรัสในโรคที่รุนแรง หรือ เมื่อมีผลข้างเคียงแทรกซ้อน ที่สำคัญที่สุด คือ การแยกผู้ป่วย รวมทั้งเครื่องใช้ทุกอย่างเพื่อป้องกันการติดเชื้อ จนกว่า แผลจะตกสะเก็ดหมดทั้งตัวแล้ว การรักษาจึงเป็นการรักษาประคับ ประคองตามอาการ ไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ เพราะโรคอีสุกอีใสรุนแรงไหม?โดยทั่วไป โรคอีสุกอีใสเป็นโรคไม่รุนแรง ถึงแม้จะติดต่อได้รวดเร็วก็ตาม ดูแลรักษาหายได้ภายใน 7-10 วัน แต่ความรุนแรงของโรคขึ้นกับอายุ และสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย โดยความรุนแรงโรคสูงขึ้น (มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนสูงขึ้น) ในผู้ใหญ่ และในผู้มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น กินยากดความต้านทานโรค คนท้อง ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบา หวาน ในผู้สูงอายุ และในผู้ป่วยโรคมะเร็งผลข้างเคียงแทรกซ้อนที่อาจขึ้นในผู้ป่วยโรคอีสุอีใส ได้แก่ ตุ่มพองติดเชื้อแบคทีเรียกลายเป็นตุ่มหนอง (ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดแผลเป็นได้) โรคปอดบวม โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคสมองอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้นอกจากนั้นคือ เมื่อ โรคหายแล้ว เชื้อบางส่วนยังไม่หมดไป แต่จะแฝงตัวอยู่ตามปมประสาทต่างๆ โดยเฉพาะของลำตัว เมื่อแก่ตัวลง หรือ มีภูมิต้าน ทานคุ้มกันโรคต่ำ จะก่อให้เกิดเป็นโรคงูสวัดได้อนึ่ง เมื่อเป็นโรคอีสุกอีใสแล้ว มักมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคตลอดชีวิต ไม่กลับมาเป็นโรคอีกดูแลอย่างไรเมื่อเป็นโรคอีสุกอีใส? ควรพบแพทย์เมื่อไร?การดูแลตนเอง และดูแลเด็กป่วยด้วยโรคอีสุกอีใส ที่สำคัญที่สุด คือ แยกผู้ป่วยรวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ เช่น เสื้อผ้า แก้วน้ำ ช้อน ชาม และรักษา สุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) ป้องกันเชื้อติดต่อสู่ผู้อื่น และเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อน นอก จากนั้น ได้แก่ตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันการเกาเกิดแผล ซึ่งจะติดเชื้อได้ง่ายดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากๆ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เมื่อไม่มีโรคที่แพทย์ให้จำกัดน้ำดื่มทายาแก้คัน เช่น ยาคาลามาย (Calamine lotion) และ/หรือ กินยาบรรเทาอาการคัน โดยปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยากินเองเสมอ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยากินยาลดไข้ พาราเซตามอล (Paracetamol) เมื่อมีไข้ อย่ากินยาแอสไพริน เพราะอาจ มีการแพ้ยาแอสไพรินได้โดยเฉพาะในเด็กๆรีบพบแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อมีไข้สูง และไข้ไม่ลงภายใน 1-2 วันหลังกินยาลดไข้ตุ่มพองเป็นหนองไอมาก ไอมีเสมหะ (มักเป็นตัวบ่งชี้ว่า มีการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะโดยแพทย์)รีบพบแพทย์ฉุกเฉิน เมื่อเจ็บแน่นหน้าอกมาก (เป็นอาการของปอดติดเชื้อ)หายใจติดขัด หอบเหนื่อย (เป็นอาการของปอดติดเชื้อ)ปวดศีรษะมาก อาจร่วมกับแขน ขา อ่อนแรง หรือ ชัก (เป็นอาการของสมอง หรือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบติดเชื้อ)มีวิธีป้องกันโรคอีสุกอีใสไหม? มีวัคซีนป้องกันโรคไหม?วิธีป้องกันโรคอีสุกอีใส คือ การไม่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ซึ่งทำยากมากเพราะเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย นอกจากนั้นคือ รักษา สุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อ ให้ร่างกายแข็งแรง ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแต่การป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด ป้องกันโรคได้ถึงประมาณ 90 -95%ได้แก่ การฉีดวัคซีนป้องกัน (ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง) ซึ่งแพทย์แนะนำให้เริ่มฉีดตั้งแต่อายุได้ 1-12 ปี หลังจากนั้น อาจฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุประมาณ 4- 6 ปี (วัคซีนให้ผลป้องกันโรคได้ตลอดชีวิต) แต่การฉีดวัคซีนในอายุ ตั้ง แต่ 13 ปี ขึ้นไปจนถึงในผู้ใหญ่ แพทย์มักแนะนำให้ฉีด 2 เข็ม โดยเข็มที่สองฉีดตามหลังเข็มแรกประมาณ 4- 8 สัปดาห์ ซึ่งภูมิคุ้มกันอยู่ได้อย่างน้อยประมาณ 20 ปีฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสมีประโยชน์อะไรอีก? แพ้ไหม? มีข้อห้ามไหม?วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส นอกจากป้องกันโรคได้แล้ว ยังช่วยลดโอกาสเกิดแผลเป็น และช่วยลดความรุนแรงของโรคเมื่อเกิดเป็นโรคอีสุกอีใสหลังฉีดวัคซีนแล้ววัคซีนอีสุกอีใส ไม่ค่อยก่อให้เกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อน ยกเว้น เจ็บ แดง และบวมในตำแหน่งที่ฉีดยา แต่ในบางคนอาจมีไข้ได้อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามไม่ให้ฉีดวัคซีนอีสุกอีใส ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ต่างๆ ควรต้องปรึกษาแพทย์ เพราะอาจแพ้วัคซีนได้ (การแพ้ยา)คนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เพราะวัคซีนเป็นวัคซีนเชื้อเป็น (เป็นเชื้ออีสุกอีใส ที่นำมาทำให้อ่อนกำลังลงมาก ไม่ทำให้เกิดโรคในคนปกติ แต่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคได้) จึงอาจก่อการติดเชื้อรุนแรงได้ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ คนที่กินยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรค (เช่น ในโรคภูมิแพ้ตนเอง/ภูมิต้านตน เอง) และในคนท้อง ซึ่งอาจก่อให้ทารกในครรภ์ติดเชื้อ และพิการได้เคยแพ้วัคซีนต่างๆมาแล้ว และ/หรือ แพ้วัคซีนอีสุกอีใสเข็มแรกมาแล้วฉีดวัคซีนแล้วยังเป็นโรคอีสุกอีใสได้อีกไหม?เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว เมื่อสัมผัสเชื้อมีโอกาสเป็นอีสุกอีใสได้ประมาณ 2-10% โดยมีอาการเช่นเดียวกับในคนไม่เคยฉีดวัคซีน ดังกล่าวแล้ว แต่อาการน้อยกว่ามาก มีผื่นและตุ่มพองน้อยกว่ามาก หายเร็วกว่ามาก อาจภายใน 3-7 วัน แต่ยังแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้เหมือนเดิม ดังกล่าวแล้วเมื่อยังไม่เคยฉีดวัคซีนอีสุกอีใสตอนเด็ก ควรฉีดวัคซีนอีสุกอีใสไหม?เมื่อยังไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสในตอนเด็ก แต่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสแล้ว ไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะจะมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคได้ตลอดชีวิต ดังกล่าวแล้ว แต่เมื่อจำไม่ได้ ไม่แน่ใจ และอยากฉีด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพราะอาจมีภูมิคุ้มกันโรคนี้อยู่แล้วก็ได้ (ร่างกายมักสร้างภูมิ คุ้มกันต้านทานโรคบางชนิดได้ เมื่อเป็นผู้ใหญ่)

เยี่ยมมากเลย

เข้าใจเลย
1

เห็นด้วยๆ

ซึ้งจังเลย

ขำฮาตรึม

มีผู้แสดงความรู้สึก (1 คน)

ความคิดเห็น ความคิดเห็น (1 ความคิดเห็น)

ตอบกลับ Joy_wallaya 2013-4-22 12:15
  

facelist doodle วาดภาพ

คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ก่อนจึงจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

เที่ยวทะเลตราด

Archiver|WAP|ชมไทย ชมไทยแลนด์ ชมลม ชมไทย www.chomthai.com www.chomthailand.com ติดต่อ IDLINE : akechomthai Tel. 089-780 1770 e-mail : chomthailand@gmail.com

GMT+7, 2024-4-20 20:44 , Processed in 0.283571 second(s), 17 queries .

Powered by Discuz! X2.5 Patch R20130222

© 2001-2012 Comsenz Inc.

ขึ้นไปด้านบน