"เมื่อตะวันยอแสงเรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้า พักลงตงนี้ที่เดิมแล้วหลับตา ชมลม ชมไทย จะพาเรี่ยวแรงคุณกลับคืน"

ชมไทย www.chomthailand.com ติดต่อโฆษณา บทความ แนะนำการท่องเที่ยว IDLINE : akechomthai T. 089-780 1770 e-mail : chomthailand@gmail.com

โฮมสเตย์ วิถีชีวิต ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  Chomthailand

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน

ความสมดุล และลมหายใจ ของจันทบุรี (ตอน3)

ความนิยม 2เข้าชม/อ่าน 3960 ครั้ง2013-6-14 19:03 |เลือกหมวดหมู่:ท่องเที่ยวเมืองจันทรบุรี

300 ปี แห่งศรัทธาและความเชื่อ ริมน้ำจันทบุรี

ด้านหน้าของอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล"หรือ "วัดคาทอลิกจันทบุรี" 


จากค่ายตากสินฉันใช่เวลาไม่นานนัก ก็มาถึงสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของชาวเมืองจันทร์ นั้นคือ "อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล" หรือที่เรียกกันว่า "วัดคาทอลิกจันทบุรี" ระหว่างเดินจากลานจอดรถเสียงระฆังกังวานกึกก้องไปทั่วบริเวณ แม้เสียงมันจะดังเพียงไรแต่เมื่อได้ฟังแล้วรู้สู้สงบจิต สงบใจ และอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด ไม่นานนักถ้อยสำเนียงที่ร้อยเรียงเป็นบทสวดแผ่กระจายออกมาจากลำโพงใบใหญ่บริเวณหน้าโบสถ์ที่ฉันกำลังยืนอยู่ ราวกับกำลังเชื้อเชิญฉันให้เข้าไปนั่งฟังใกล้ๆ แต่เนื่องจากวันนี้ที่โบสถ์มีพิธีแต่งงานของชาวคริสต์และช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญจึงทำให้ฉันได้แต่นั่งรอเวลาที่จะเข้าไปชื่นชมความงดงามที่มากกว่าเสียงเพลงของโบสถ์แห่งนี้  เพียงไม่นานคู่บ่าวสาวก็เริ่มออกมาจากโบสถ์ พร้อมด้วยเครือญาติที่ทยอยตามมา ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ว่าพิธีมงคลเสร็จสิ้นเรียบร้อย แต่ความตื่นเต้นที่จะได้เข้าโบสถ์คาทอลิกที่สวยที่สุดในประเทศของฉันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเอง 


พิธีแต่งงาน ของชาวคาทอลิกที่อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล


ด้านในอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล


กระเบื้องที่มีอายุนับร้อยปี


อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนสตรีพิทักษ์  ริมแม่น้ำจันทบุรีฝั่งตะวันออก มีอายุ 104 ปี แต่เดิมตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี ภายหลังย้ายมาตั้งในพื้นที่ปัจจุบัน โบสถ์แห่งนี้มีการบูรณะปรับเปลี่ยนไปตามยุดสมัย แต่ยังคงความงดงามด้วยสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิคไว้ครบถ้วน หลังจากเดินผ่านประตูสูงใหญ่เข้ามาภายในมหาวิหาร ความรู้สึกเยือกเย็นวิ่งเข้ามาทันที เพราะด้วยความสวยงามของกระเบื้องที่มีอายุนับร้อยปี หรือความเย็นของกระเบื้องที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องถอดรองเท้าเมื่อเข้ามาภายในโบสถ์ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าได้มายืนอยู่กลางมหาวิหารแห่งนี้ แม้อากาศข้างนอกจะร้อนอบอ้าวเพียงไร แต่ข้างในมันช่างเย็นจับใจจริงๆ 


ที่นั่งสำหรับคริสต์ศาสนิกชน


ภาพกระจกสีสเตนกลาส (Stain Glass) ที่ยังคงสีสันสดใสแม้มีอายุนับร้อยปี 


"มรรคาศักดิ์สิทธิ์" จากสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่เก่าแก่ และงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย


ฉันเดินดูสถาปัตย์กรรมทีละชิ้น ทีละมุมอย่างบรรจง ด้วยความเป็นโบสถ์เก่าแก่ บนความเชื่อ และศรัทธาของคนในชุมชนแห่งนี้มากว่า 300 ปี ทำให้การเยี่ยมชมต่างๆ ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร แต่ถึงกระนั้นสิ่งก่อสร้างต่างๆ มันทำให้ฉันอยากหยิบกล้องตัวโปรดขึ้นมาเก็บภาพสวยๆไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นลวดลายฉลุบนพื้นไม้  มรรคาศักดิ์สิทธิ์จากสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่มีลวดลายเถาองุ่นและกิ่งก้านอ่อนช้อยสวยงาม หรือภาพกระจกสีสเตนกลาส(Stain Glass) ที่ทำเป็นรูปนักบุญต่างๆ ซึ่งสเตนกลาสแห่งนี้ยังได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชินูปถัมภ์อีกด้วย 


พระรูปของพระนางมารีอา เป็นองค์ประธานของวัด 



จากการชมความงามของสเตนกลาส ฉันหยุดอยู่ที่พระแท่นที่ใช้ประกอบพิธีมิซา ซึ่งพระแท่นได้รับการตกแต่งแบบโกธิค ปูด้วยหินอ่อน บริเวณเหนือพระแท่นบูชา มีรูปพระเยซูกับไม้กางเขน และพระรูปของพระนางมารีอา เป็นองค์ประธานของวัด ตั้งตระหง่านอย่างงดงาม รวมทั้งรูปปั้น ของนักบุญยออากิม และนักบุญอันนา บิดามารดาของพระนางมารีด้วย  



นอกเหนือจากพระแท่นที่สวยงามแล้วจุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้อยู่ที่ "องค์พระแม่มารีประดับพลอย" สร้างโดยบรรดาคริสตชนและชาวจันทบุรี เพื่อเป็นของขวัญล้ำค่าถวายแด่พระแม่มารี โดยองค์พระประดิษฐานอยู่บนฐานเงินบริสุทธิ์ ฝังประดับพลอยแซฟไฟร์ที่คัดคุณภาพ ไล่เฉดสีตามแบบองค์แม่พระต้นแบบประมาณ 20,000 กะรัต มีความสูง 1.20 เมตร ลวดลายดอกไม้บนอาภรณ์ทำจากทองคำทั้งสิ้น 69 ดอก ลวดลายด้านบนประดับด้วยพลอยนพเก้า ส่วนลายกางเขนที่ออกทำจากทองคำฝังประดับพลอย 3 สี คือ แดง ขาว และน้ำเงิน อันแสดงความหมายของ ชาติ ศาสน์ และกษัตริย์  


"องค์พระแม่มารีประดับพลอย"


"องค์พระแม่มารีประดับพลอย"


หลังจากการเยี่ยมชมความงดงามของ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ฉันเดินออกมาดูอาคารบ้านเรือนเก่าๆ บริเวณหน้าโบสถ์ ซึ่งยังคงความเป็นชุมชนโบราณกับวิถีชีวิตเรียบง่ายริมฝั่งน้ำจันทบุรี  ซึ่งก่อนทางขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำมีร้านอาหารเวียดนามชื่อ xin chào แห่งชุมชนวัดญวน โรมันคาทอลิก ซึ่งเปรียบเหมือนแหล่งข้อมูลชั้นดีของชุมชนญวณแห่งนี้ ภายในร้านมีอาหารเวียดนาม อาทิ ไข่กระทะ แหนมเนือง บั๊นฮอย ก๋วยจั๊บญวน หมูญวน และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าไม่ติดที่ทานอาหารเที่ยงจากร้านจันทรโภชนามาแล้ว ฉันคงจัดไปสักชุดให้ซึมซับวัฒนธรรมญวณมากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้ขอกาแฟสักแก้วก็พอ กาแฟที่นี้ใช้ถ้วยกรองแบบเวียดนามขนานแท้ เอาเม็ดกาแฟบดใส่ไปข้างใน แล้วไปวางบนแก้วกาแฟ จากนั้นเทน้ำลงไปในถ้วยกรองให้มันหยด ที่ละหยดซึมไปเรื่อยๆ จนได้กาแฟหอมเข้มแบบเวียดนามมาลิ้มลองกันในช่วงสายๆ ของวันแสนสบายที่จันทบุรี  


อาคารบ้านเรือนทรงปั้นหยา รอบๆ บริเวณอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล


อาคารบ้านเรือนทรงปั้นหยา รอบๆ บริเวณอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล


"พี่แบงค์" เจ้าของร้านอาหารเวียดนาม เล่าว่าชุมชนญวนแห่งนี้มีอายุกว่า 300 ปี  ทำการค้าระหว่างไทยจีนญวนในลุ่มแม่น้ำจันทบุรีมายาวนาน วัฒนธรรมและวิถีชีวิตจึงมีลักษณะแบบญวณโดยแท้ ทั้งวิถีชีวิต การสืบสานภูมิปัญญา รวมถึงการประกอบอาหาร ซึ่งมีความแตกต่างกับเวียดนามอพยพทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย  ซึ่งเหตุผลที่เปิดร้านอาหารเวียดนามในชุมชนนี้ เพราะตั้งใจจะตอบแทนแผ่นดินเกิด สายเลือดเกิด ซึ่งปัจจุบัน ภาษาญวน และวัฒนธรรมญวณแท้ๆ เริ่มจะลดน้อยลงไป เหลือเพียงกลุ่มผู้สูงอายุไม่กี่คนในชุมชนเท่านั้น


"พี่แบงค์" เจ้าของร้านอาหารเวียดนาม


ร้านอาหารเวียดนามชื่อ xin chào แห่งชุมชนวัดญวน โรมันคาทอลิก


ไข่กะทะที่ร้านอาหารเวียดนาม


กาแฟแบบเวียดนาม ให้อรรถรสในการดื่มไปอีกแบบ


การตกแต่งภายในร้านเรียบง่าย ส่วนหน้าร้านมีมุมเวียดนามสำหรับถ่ายรูป


พี่แบงค์ยังเล่าถึงอดีตและที่มาที่ไปของคริสต์ชนในชุมชนญวณว่า ในยุดจักรพรรดิมินหมั่ง จักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์เหงวียนแห่งเวียดนาม ได้ทรงเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ด่ายนาม เป็นยุคสมัยที่มีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์อย่างรุ่นแรง มีการจับกุมและประหารบาทหลวงชาวตะวันตก รวมถึงคริสตชนเวียดนามอย่างต่อเนื่อง และในปี ค.ศ. 1707 (พ.ศ. 2250) พระสังฆราช เดอ ชีเช ซึ่งเป็นประมุขพระศาสนจักรแห่งสยาม อันมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาทราบข่าวว่ามีคาทอลิกกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่จันทบุรี คนเหล่านี้เป็นคนญวนหรือเวียดนามที่ลี้ภัยมาอยู่ในดินแดนกรุงสยาม ท่านจึงส่งคุณพ่อเฮิ้ต มิสชั่นเนอรี่ชาวฝรั่งเศสในอาณัติมาดูแลคาทอลิกกลุ่มนี้ แต่เณรชาวตังเกี๋ย 2 คนที่เดินทางมากับคุณพ่อ ถูกจับข้อหาว่าจะเดินทางออกพระราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องโทษจำคุกระยะหนึ่ง เมื่อพ้นโทษแล้วคุณพ่อจึงได้เดินทางต่อมาถึงจันทบุรีในปี ค.ศ. 1711 (พ.ศ. 2254) คุณพ่อพบว่ากลุ่มคาทอลิกชาวญวนนั้นมีประมาณ 120-130 คน จึงร่วมมือกันสร้างโบสถ์น้อยขึ้นหลังหนึ่งบนฝั่งขวา(ฝั่งตะวันตก)ของแม่น้ำจันทบุรี บนเนินสูงริมฝั่งทางทิศใต้ของวัดจันทนาราม ซึ่งกลายมาเป็นชุมชนคาทอลิกญวณ ในบัจจุบัน

 

นอกจากจะเล่าประวัติของชุมชนญวณให้ฟังแล้ว พี่แบงค์ยังเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล แห่งนี้ว่า อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ไม่ใช่เพียงแค่วัดคาทอลิกทั่วไป เพราะโบสถ์แห่งนี้เป็น 1 ใน 10 อาสนวิหาร หรือที่เรียกว่าสังฆมณฑล 10 แห่งในประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นความรู้ใหม่ของฉันเลยก็ว่าได้  


สังฆมณฑลอาจเปรียบเสมื่อนจุดศูนย์รวมของชาวคาทอลิกที่แบ่งการปกครอง หรือดูแลเป็นภาคๆไป 

โดยสังฆมณฑล 10 แห่งในประเทศไทยได้แก่ 

1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ อาสนวิหารอัสสัมชัญ

2 สังฆมณฑลราชบุรี อาสนวิหารแม่พระบังเกิด  

3 สังฆมณฑลจันทบุรี อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล

4 สังฆมณฑลเชียงใหม่ อาสนวิหารพระหฤทัย

5 สังฆมณฑลนครสวรรค์ อาสนวิหารนักบุญอันนา

6 สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี อาสนวิหารอัครราฟาแอล  

7 อัครสังฆมณฑลท่าแร่ หนองแสง อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล  

8 สังฆมณฑลอุบลราชธานี อาสนวิหารแม่พระนิรมล  

9 สังฆมณฑลนครราชสีมา อาสนวิหารแม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด

10 สังฆมณฑลอุดรธานี อาสนวิหารพระมารดานิจจานุเคราะห์  





พี่แบงค์เล่าเสริมอีกว่าแต่เดิมอาสนวิหารแห่งนี้มียอดโดมทั้งสองข้างคู่กันเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน แต่ต่อมาปี ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) ทางการสั่งให้รื้อออก เพราะเกรงว่าจะเป็นเป้าของระเบิดทางอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หอสูงด้านขวามีนาฬิกาเรือนใหญ่ติดตั้งอยู่ เส้นรอบหน้าปัดวัดได้ 4.70 เมตร จากหอสูงนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองจันทบุรีได้ไกลประมาณ 2 กิโลเมตร หลังจากนั้น 69 ปี ต่อมาจึงสร้างยอดโดมกลับมาติดตั้งเหมือนเดิม ซึ่งเป็นช่วงสมโภช 100 ปี อาสนวิหารพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล และฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ 300 ปีอีกด้วย

 

ยอดโดมของอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ที่นำมาติดตั้งใหม่เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2009


อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เมื่อครั้งนำเอายอดโดมออก 


จากความเชื่ออันยาวนาน สู่ศรัทธาอันแรงกล้าของคริสต์ศาสนิกชนชาวจันทบุรี ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งในวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพียงเท่านี้การท่องเที่ยวในวันหยุดของฉันเริ่มจะสมดุลไปกับจังหวะเต้นและลมหายใจของเมืองจันทร์  ฉันได้รู้มากกว่าสิ่งที่เห็น ได้เห็นมากกว่าสิ่งที่รู้ การท่องเที่ยวบางครั้งอาจต้องใช้เวลาให้กับบางสิ่ง แม้มันอาจต้องทำความเข้าใจกันสักหน่อย แต่สิ่งที่ได้นอกเหนือจากความสุขที่ได้พบเห็น มันยังแฝงไปด้วยอรรถรสของจิตวิญญาณที่ฉันได้เข้าไปสัมผัสถึง แค่รอยยิ้มมุมปากกับเรื่องเล่าดีๆ บางทีก็ได้ด้วยกันได้อย่างมีสีสัน เพียงแค่คุณเปิดใจค้นหามันเท่านั้น


ทางร้านมีบริการ wifi และบริการจักรยานให้ขี่เที่ยวชมชุมชนริมน้ำ 50 บาท ต่อวัน


ขอขอบคุณ คุณแบงค์ วิษณุ  เจ้าของร้านร้านอาหารเวียดนาม แห่งชุมชนวัดญวน

เปิดบริการ 06.30 – 15.00  หยุดวันจันทร์ สนใจสั่งอาหาร หรือเช่าจักรยานได้ที่คุณแบงค์  0888 413 673 คุณตา  089 1252445

1

เยี่ยมมากเลย

เข้าใจเลย

เห็นด้วยๆ
1

ซึ้งจังเลย

ขำฮาตรึม

มีผู้แสดงความรู้สึก (2 คน)

ความคิดเห็น (0 ความคิดเห็น)

facelist doodle วาดภาพ

คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ก่อนจึงจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

Archiver|WAP|ชมไทย ชมไทยแลนด์ ชมลม ชมไทย www.chomthai.com www.chomthailand.com ติดต่อ IDLINE : akechomthai Tel. 089-780 1770 e-mail : chomthailand@gmail.com

GMT+7, 2024-3-29 07:53 , Processed in 0.276798 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X2.5 Patch R20130222

© 2001-2012 Comsenz Inc.

ขึ้นไปด้านบน