"เมื่อตะวันยอแสงเรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้า พักลงตงนี้ที่เดิมแล้วหลับตา ชมลม ชมไทย จะพาเรี่ยวแรงคุณกลับคืน"
ชมไทย www.chomthailand.com ติดต่อโฆษณา บทความ แนะนำการท่องเที่ยว IDLINE : akechomthai T. 089-780 1770 e-mail : chomthailand@gmail.com
ความนิยม 2|
โดยด้านขวามือของค่ายตากสินเป็นที่ตั้งของ "ศาลหลักเมืองจันทบุรี" ซึ่งแต่เดิมก่อด้วยศิลาแดง สร้างโดยพระเจ้าตากในปี เมื่อปีพ.ศ. 2310 ครั้งใช้เมืองจันทร์เป็นที่รวบรวมไพร่พล ศาสตราวุธ ยุทธภัณฑ์และเสบียงอาหารเพื่อไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยา แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ศาลแห่งนี้ทรุดโทรมลงมาก มีทั้งต้นโพธิ์ ต้นข่อยปกคลุมมากมาย จนในปี พ.ศ. 2524 ทางจังหวัดได้ก่อสร้างศาลและหล่อองค์เจ้าพ่อหลักเมืองขึ้นใหม่ จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2526 มีลักษณะเป็นแท่งศิลาประดิษฐานภายในอาคารทรงไทยแบบจัตุรมุข ก่ออิฐถือปูน มีช่อฟ้าใบระกาและปรางค์ที่ด้านบนอาคาร เป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองจันทร์ แม้รูปทรงจะแปรเปลี่ยนไป แต่ความศรัทธายังคงอยู่ในหัวใจและความเชื่อของชาวจันทบุรีเสมอมา ดังเช่นปัจจุบันที่คงเห็นชาวบ้านมาสักการะศาลหลักเมืองอย่างไม่ขาดสาย
ศาลหลักเมือง ที่ผู้คนส่วนใหญ่ ทั้งชาวจันทบุรีเอง หรือจะเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป ต่างมากราบไหว้ขอพรมากมาย
หลังจากสักการะ ศาลหลักเมืองจันทบุรีเสร็จแล้ว ก็ข้ามไปอีกฝั่งด้านซ้ายของถนนหน้าค่ายตากสิน เพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจันทร์อีกแห่งนั้นคือ "ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน" ซึ่งเป็นเหมือนหลักบ่งบอกความผูกพันของชาวเมืองจันทร์กับสมเด็จพระเจ้าตากสิน ซึ่งเป็นที่เคารพบูชามาช้านาน โดยศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินหลังเดิมสร้างในปี พ.ศ.2463 สมัย ม.จ.สฤษดิเดชชยางกูร เป็นสมุหเทศาภิบาล มณฑลจันทบุรี เป็นศาลาคอนกรีตสี่เหลี่ยมจัตุรมุตข ภายในเป็นที่ประดิษฐานเทวรูป ซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำพระองค์พระเจ้าตาก ในขณะนั้นยังไม่มีพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสิน ประดิษฐานเช่นปัจจุบัน แต่ในปี พ.ศ. 2534 ชาวจันทบุรีได้ร่วมกันบริจาคเงินสร้างศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ หลังใหม่ขึ้นเป็นศาลทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลา และจัดสร้างพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มาประดิษฐ์สถานในศาลแห่งนี้ด้วย ชาวจันทบุรีถือว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทำให้จันทบุรีเป็นที่รู้จัก และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การกอบกู้เอกราชคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 ในฐานะเป็นฐานที่มั่นของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ระหว่างการรวบรวมไพล่พลรวมถึงเสบียงอาหาร เพื่อไปกอบกู้เอกราชกลับมา
ศาลทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลา
พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่เคารพรักของชาวเมืองจันทร์
รูปเคารพท่านพระยาพิชัย ดาบหัก ทหารเอกของสมเด็จพระเจ้าตากสิน
สมเด็จพระเจ้าตากสินตั้งอยู่ทางซ้ายมือบริเวณประตูทางเข้าค่ายตากสิน
หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเสร็จ ฉันก็ได้เดินเข้าไปในค่ายตากสิน เพื่อไปเยี่ยมชมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์มากขึ้น นอกจากเรื่องราวกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสินแล้วนั้น จันทบุรียังเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์จากวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ฝังอยู่ในหัวใจชาวเมืองจันทร์ตลอดมา
ฉันเดินผ่านประตูค่ายตากสินเข้ามา ด้านขวามมือจะเห็นตึกทรงยุโรปสีแดงส้ม เด่นตระหง่านท้าทายต่อมประวัติศาสตร์ให้น่าค้นหาเสียยิ่งกระไร “สวัสดีครับ ผม ‘พ.จ.อ.องอาจ มาศแสวง’ สังกัด กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธินทหาร ภายใต้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ แห่งราชอาณาจักรไทย” เสียงดังก้องกังวาลจากด้านหลัง ทำให้ฉันพลันสายตาจากเจ้าตึกสีแดงส้มมองกลับหลัง พบทหารร่างสูงใหญ่ยืนตรงแบบชายชาติทหาร ไม่ทันจะที่ฉันเอยวาจา พี่ทหารคนนั้นก็กล่าวทักทายฉันด้วยความเป็นมิตรไมตรีของเจ้าบ้านที่ดี แน่นอนครับการมาค่ายทหารอย่างนี้ อยู่เราจะเดินเข้ามาเฉยๆ แบบเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า หรือเดินตามสยามคงไม่ใช่ การมาเยี่ยมชมค่ายทหารควรติดต่อทำเรื่องขอเยี่ยมชมก่อน หรือง่ายๆ เมื่อมาถึงหน้าค่ายก็ติดต่อพี่ทหารได้เลยครับ ว่าเราอยากมาเยี่ยมชมประวัติศาสตร์ของค่ายตากสินแห่งนี้ ซึ่งไม่นานนัก ทางค่ายก็จะส่ง พ.จ.อ.องอาจ มาศแสวง หรือ "จ่าแบล็ก" มาเป็นผู้นำชมให้ครับ เหตุใดเราต้องมาเยี่ยมชมค่ายทหารแห่งนี้ คำตอบของคำถามน่าจะอยู่กับบทสนทนาระหว่างฉันกับ "จ่าแบล็ก" ที่ย้อนรอยประวัติศาสตร์ให้ลึกไปตามจินตนาการจะนำพา
ด้านหน้าอาคารกองรักษาการณ์ของทหารฝรั่งเศส
ด้านข้าง อาคารกองรักษาการณ์ของทหารฝรั่งเศส
หน้าต่างด้านข้าง อาคารกองรักษาการณ์ของทหารฝรั่งเศส
ภายในอาคารกองรักษาการณ์ของทหารฝรั่งเศส
อนุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ภาคในค่ายตากสิน
พ.จ.อ.องอาจ มาศแสวง หรือจ่าแปล็ก ไกค์พิเศษที่นำชม และเล่าประวัติศาสตร์ของค่ายตากสินให้ฟัง
ค่ายตากสินแห่งนี้ แต่เดิมคือพื้นที่ตั้งของเมืองจันทบุรีเก่าหรือบ้านลุ่ม ตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฏคูน้ำ และกำแพงเมือง หรือคันดินให้เห็นในปัจจุบัน โดย สมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือหรือพระยาวชิรปราการ(สิน) รวบรวมพลทหารไทย จีน ได้ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพม่าทางทิศตะวันออกมาที่เมืองจันทร์แห่งนี้ "จ่าแบล็ก" พูดไปพรางชี้คันดินสูงประมาณ 1 เมตร ว่าในอดีตที่ตรงนี้คือประตูเมืองจันทร์ที่ สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงช้างพังคีรีบัญชร เข้าโจมตีเมืองจันทบุรี และยึดเอาเป็นฐานตั้งมั่น ซึ่งเหตุผลที่สมเด็จพระเจ้าตากสินใช้เมืองจันทร์เป็นฐานทางยุทธศาสตร์ ด้วยเป็นหัวเมืองทางชายทะเลที่ปลอดจากสงคราม ทั้งมีความอุดมสมบูรณ์ด้านพืชพันธัญญาหาร รวมทั้งยังเป็นชุมชนชาวจีนแต้จิ๋ว ซึ่งสมเด็จพระเจ้าตากมีเชื้อสายจีนแต้จิ๋วและเคยเป็นพ่อค้ามาก่อน จึงได้รับความช่วยเหลือจากชาวจีน ในการต่อเรือรบ 100 ลำ ตลอดจนมีผู้สวามิภักดิ์มากขึ้นถึง 5,000 คน แล้วกลับไปตีทัพพม่า กอบกู้เอกราชของชาติไทยกลับคืนมาได้อีกครั้ง
ช่องทางประตูเมืองจันทบุรี ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงช้างพังคีรีบัญชร เข้าพังประตู
ภายในค่ายตากสินร่มรืนด้วยต้นไม้ใหญ่
"อาคารกองบัญชาการของทหารฝรั่งเศส"
หลังจากฟังจ่าแบล็ก เล่าประวัติแบบเห็นภาพสถานที่จริงให้จิตนาการกันไป สักพักฉันก็มายืนอยู่หน้าอาคารสีแดงสดหลังหนึ่ง ซึ่งเป็น "อาคารกองบัญชาการของทหารฝรั่งเศส" สร้างขึ้นในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ายึดครองเมืองจันทบุรีในช่วงวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยม ตามแบบของยุโรปทั้งรูปทรง และลวดลาย จ่าแบล็กเล่าต่ออีกว่าฝรั่งเศสได้เข้ามายึดครองเมืองจันทบุรีไว้นานถึง 11 ปี จนไทยต้องยอมยกดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศสไป เพื่อแลกเอาเมืองจันทบุรีกลับคืนมา หลังจากฟังจ่าแบล็กเล่าได้ไม่นานต่อมความอยากรู้ประวัติศาสตร์ของฉันก็เร่งทำงานอีกครั้ง ฉันเคยร่ำเรียนมาว่า ในช่วงวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ไทยเราเสียดินแดนให้พวกฝรั่งในยุดล่าอาณานิคม ซึ่งตรงกับช่วงสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ 5 แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามันเกี่ยวข้องกับเมืองจันทบุรีขนาดไหน นอกจากตึกแดง และคุกขี้ไก่ที่แหลมสิงห์
และแล้วจ่าแบล็กก็เล่าประวัติศาสตร์แบบย้อนเวลาให้กระจ่างว่า ใน ปี พ.ศ.2436 หรือ ร.ศ.112 ฝรั่งเศสซึ่งพยายามขยายอำนาจเข้าไปในลาวและเขมร ได้ใช้กำลังบังคับและยื่นคำขาดให้ไทยยกดินแดนของลาวทางฝั่งซ้ายของแม่น้้าโขงกับเขมรส่วนนอก แต่ในระหว่างที่รอคอยให้สัญญาต่างๆ ฝรั่งเศสได้ทำการยึดเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน จนถึงปี พ.ศ.2448 เป็นเวลากว่า 11 ปี แต่ลึกๆเหตุผลที่เลือกยึดเมืองจันทบุรีก็เพราะเป็นเมืองที่สำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ เป็นจุดที่ควบคุมอ่าวสยามที่ติดต่อกับแหลมมลายูของอังกฤษ เป็นทางผ่านเข้าไปยังสามจังหวัดของไทยที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดด้านทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งได้แก่ บ่อพลอย บ่อไพลิน ในเขตเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ นอกจากนั้นเมืองจันทบุรียังมีท่าเทียบเรือที่ปากแม่น้้าและ มีอู่ต่อเรือระวางตั้งแต่ 300-400 ตัน การยึดจันทบุรีจึงเท่ากับยึดท่าเรืออู่ต่อเรือ และเรืออื่นๆ ไว้เป็นการตัดกำลังไทยทางอ้อมด้วย
อาคารกองบัญชาการของทหารฝรั่งเศส หรือตึกฝรั่งเศส
ซึ่งกองทหารฝรั่งเศสได้ นอกจากจะตั้งค่ายทหารขึ้นภายในบริเวณบ้านลุ่มหรือบริเวณที่เป็นค่ายตากสินในปัจจุบัน ยังตั้งค่ายอีกที่บริเวณปากน้้าแหลมสิงห์ รวมทั้งได้สร้างสิ่งก่อสร้างอีกหลายหลัง ปัจจุบันหลักฐานร่องรอยต่าง ๆ ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมืองจันทบุรีที่บ้านลุ่มยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ภายในบริเวณค่ายตากสินเท่านั้น สถานที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่ประวัติศาสตร์ให้เล่ากันสนุกสนาน แต่อาจเป็นมรดกแห่งความทรงจำของชาวจันทบุรี ต่อวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ชาวเมืองจันทร์ ต่างพากันจดจำไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจตลอดเวลา
ภายในอาคารกองบัญชาการของทหารฝรั่งเศส
กระเบื้องเก่าของอาคารกองบัญชาการของทหารฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันทางค่าย ได้ทำการบูรณะ และสั่งกระเบื้องจากบริษัทเดียวเมื่อ 100 ปีก่อน มาปูทดแทนกระเบื้องอันเก่า
เพียงได้สนทนากับจ่าแบล็กเกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ย่อๆ ตั้งแต่เหตุการณ์กอบกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสิน จนถึงวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 เท่านี้หัวใจแห่งความรักชาติของฉันก็เริ่มพองโตขึ้นมาอีกครั้ง คำตอบที่ได้รับกับคำถามภายในใจ บางครั้งมันก็ไม่ได้ไปในแนวทางเดียวกัน คนไทยทุกคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์กันมานาน เรามีบทเรียนมากมายให้ขบคิด และเอามาเป็นแบบอย่างได้ทุกกรณี แต่ทำไมเหตุการณ์เหล่านี้จึงไม่ได้เข้าไปอยู่ในหัวใจคนไทยเท่าที่ควร คำถามเหล่านี้ยังครุ่นคิดต่อไปในหัวสมองของฉัน แต่อย่างไรก็ตามเพียงเท่านี้ความสมดุลของการท่องเที่ยวจันทรบุรีก็ทำให้รสชาติวันหยุดอันน้อยนิดของฉันมีสาระขึ้นอีกเป็นกอง จันทบุรีจึงไม่ใช่เมืองทางผ่านอีกต่อไปอย่างน้อยๆ ก็มีสิ่งต่างๆให้ค้นหาอีกมากมาย
ขอขอบคุณ : พ.จ.อ.องอาจ มาศแสวง’ สังกัด กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธินทหาร แห่งค่ายตากสิน จันทบุรี
Archiver|WAP|ชมไทย ชมไทยแลนด์ ชมลม ชมไทย www.chomthai.com www.chomthailand.com ติดต่อ IDLINE : akechomthai Tel. 089-780 1770 e-mail : chomthailand@gmail.com
GMT+7, 2024-4-20 02:24 , Processed in 0.333102 second(s), 17 queries .
Powered by Discuz! X2.5 Patch R20130222
© 2001-2012 Comsenz Inc.