Detail

...ได้ฤกษ์โพสซะที หลังจากดองจนได้ที่ ทริปนี้ผมไปเมื่อวันที่ 1 ส.ค - 4 ส.ค ที่ผ่านมา
หลังจากน้องชายผมสายตรงมาบอกว่าออฟฟิตส่งไปอบรมงานคนเดียวที่สิงคโปร์ โดยออกค่าที่พักให้ฟรี
สนใจไปป่าว.....ใช้เวลาคิดนานกว่า 30 วินาที .... ไปสิครับ ที่พักฟรี 555 แต่...น้องผมอบรมเช้าถึงเย็น
ช่วงนั้นเดินคนเดียวเซ็งน่าดู คิดว่าไม่น่าจามีใครตามไปแน่ๆ
เลยลองโทรชวนเพื่อนมอร์...มอร์ใช้เวลาคิดกว่า 30 วิเหมือนกัน บอก..ไปดิ 55 เลยได้คนชอบถ่ายรูปมาตะลอนกัน

...ไม่ได้วางแผนไรเหมือนกัน กางแผนที่เดินกันสดๆ ไปดูภาพกันเลยล่ะกันครับ

Comment : 1

ทั้งภาพ ทั้งสี แจ่มจิงๆๆ พิชชี่ น่าไปๆๆๆๆ

Comment : 2

สงสัยเจ้าสามหมื่นมันจะตื่นสถานที่
ปกติถ่ายแต่ป่าเขาลำเนาไพรพอเข้าเมืองหน่อยเลยทำตัวไม่ถูก....ว่าแต่เพื่อนมอร์ของเราไปเนี่ย ต.ม.
เค้าให้ผ่านเข้าไปได้ไงเนี่ย ต้องร้องเพลงชาติไทยป่าว

Comment : 3

...ขอบคุณทุกคนที่แวบมาดูนะคร๊าบ มาต่อเลยล่ะกันครับ เช้าวันที่ 3 ในสิงคโปร์
หลังจากดูแผนที่แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินอีกเช่นเคย
ไปยังสถานี Boon Lay Station จากนั้นขึ้นรถบัส SBS สาย 194 จะไปลงหน้าสวนนกจูร่งเลยครับ

Comment : 4

...ลืมบอกว่า พอออกนอกเมือง รถไฟจากใต้ดินจะลอยฟ้านะครับ ได้เห็นบรรยากาศข้างนอก

...หลังจากลงรถไฟฟ้าแล้ว หาไรลงท้องเหมือนเดิม กินง่ายๆ ถูกๆไว้ก่อน 555
ซึ่งอาหารเขาก็ยังคงจืดอยู่เช่นเคย
ทำให้ผมเดินไปตักซอสพริกเผาบ้านเขาราดเต็มจานจนอาแถวนั้นมองด้วยความงงประมาณว่า
"ลื้อกิงไปได้ไงวะ" 555

Comment : 5

กินเสร็จก็ไปต่อคิว ขึ้นรถเมล์

Comment : 6

...นั่งไปได้ประมาณ 15 นาที...ถึงแล้ว
...ค่าเข้าชมที่นี่ 18 เหรียญ ถ้ารวมขึ้นรถไฟลอยฟ้าชมรอบๆสวนนกด้วยก็ 22 เหรียญครับ ซึ่งเราจ่าย 22
เหรียญ

Comment : 7

...เข้าไปปุ๊บก็เจอเจ้าตัวนี้ปั๊บ เป็นนกพันธ์ Shoebill เป็นตัวโชว์ของที่นี่ มันฉลาดมากๆ
พอเห็นกล้องไปจ่อใกล้ มีการมองจิกกล้อง ยืนนิ่งให้ถ่าย พอเราเอากล้องลง ก็ส่ายหน้าทำเซ็ง 555
(มันคงเหนื่อยมัน)

Comment : 8

จากนั้นเราก็เดินเข้าไปชมเจ้าเพนกวินซึ่งดูจะถูกอกถูกใจเด็กๆ น่ารักดีครับ

Comment : 9

มาดูมุมสูงจากบนรถไฟกันบ้าง เป็นบ้านของนกพันธ์เล็กที่ไม่อันตรายครับ
ซึ่งเดี๋ยวพวกผมจะเข้าไปจ่อถ่ายใกล้ๆด้วย

Comment : 10

นกฟลาเมงโก้สีสวยสด

Comment : 11

พันธ์ East african crowned crane

...ชมต่อหน้า 3 จ้า

Comment : 12

...ไหนๆมาทั้งที เพื่อนมอร์เลยขอโชว์สเต็บเทพฝากไว้ให้สิงคโปร์ได้จดจำ 555

Comment : 13

...มาถึงส่วนของน้ำตกที่สร้างจากมนุษย์สูงที่สุดในโลก กว่า 30 เมตร Waterfall Aviary
เอ่ออ..แต่ไม่ใช่รูปนี้นะครับ 55

Comment : 14

รูปนี้ครับ

Comment : 15

รอบน้ำตกก็มีนกบินตามธรรมชาติให้เราเก็บรูปตามใจชอบ

Comment : 16

ตัวนี้พอเข้าใกล้ เริ่มระแวง แต่ก็ยังไม่บินหนี อิอิ คงห่วงกิน

Comment : 17

อ้าปากรอรับอาหารกันใหญ่

Comment : 18

เดินยิ้มมาเชียวนะน้อง

Comment : 19

กระจอกเทศอาฟริกา...ที่เขาว่าขึ้นขี่ได้ ถ้าจะจริง ตัวใหญ่มากๆครับ

Comment : 20

พันธ์ Brahminy Kite รู้สึกจะเป็น เหยี่ยวหิมะ

Comment : 21

เดินเข้าบ้านนกพันธ์เล็กล่ะครับ

Comment : 22

อีกมุมนึง เขาจัดได้ดีมากๆ เหมือนมาจูราสสิคปาร์ค เบื้องล่างเป็นป่า อิอิ

Comment : 23

...เด็กๆให้อาหารนก

Comment : 24

แสนเชื่อง

Comment : 25

จ่อถ่ายกันเห็นๆ

Comment : 26

สะพานแขวนแกว่งไกว หุหุ

Comment : 27

นกไรไม่รู้ เห็นจัดจ้านดี หุหุ

Comment : 28

โชคดีมากๆ เพราะเขาเพิ่งแสดงโชว์เจ้าเหยี่ยวตัวนี้ แล้วเดินผ่านมาทางผมพอดี เลยเข้าไปขอเข้าถ่าย
ซึ่งปกติ ถ่ายได้แค่อยู่ในกรง

Comment : 29

...จริงๆถ่ายรูปนกมากว่า 5000 ชนิด แต่กลัวจะเยอะไป เลยเอามาลงแค่นี้ 555 (แซวเล่นนะ)
เรากลับจากสวนนกเพื่อเตรียมไปถ่ายไฟกลางคืนและเจ้าสิงโตเมอร์ไลอ้อน

Comment : 30

กลับมาเจอน้องชายที่โรงแรม เตรียมไปเดินเล่นกันต่อ จากจุดนี้เราเดินทางไปลงสถานีราฟเฟิล
แล้วเดินเก็บรูปเล่นเรียบตามแม่น้ำ

Comment : 31

...สะพานที่เห็นในรูปคือสะพาน Cavenagh Bridge ซึ่งเรากำลังจะเดินข้ามไป

Comment : 32

เดินข้ามสะพาน ผ่านพิพิธภัณฑ์จีน เข้าชมฟรี แต่เสียดายไม่มีเวลาแล้ว

Comment : 33

อ้าว...ยังโพสไม่หมดหรอ รอชมต่อ

Comment : 34

...เดินต่อมาเรื่อยๆ ผ่านรูปปั้นเซอร์สแตมฟอร์ด ราฟเฟิล (Sir Stamford Raffles) ซึ่งผู้ก่อตั้งสิงคโปร์
- รูปปั้นบรอนซ์เข้มอันนี้ยืนเด่นงามสง่าอยู่หน้าโรงหนังวิคตอเรีย (Victoria Theatre) นอกจากนี้

...ยังมีรูปปั้นเลียนแบบอีกอันอยู่ที่ท่าเรือนอร์ทโบท (North Boat Quay)
ซึ่งทำมาจากโพลีมาร์เบิลสีขาวบริสุทธิ์
รูปปั้นนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่มักจะเรียกกันว่าราฟเฟิลแลนดิงค์ไซต์ (Raffles Landing Site)
ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อกันว่าเซอร์ราฟเฟิลเหยียบขึ้นฝั่งสิงคโปร์เป็นครั้งแรก

Comment : 35

...หลังจากนั้น พวกผมก็เดินต่อเพื่อไปจุดหมายของคืนสุดท้ายในสิงคโปร์

Comment : 36

...ถึงแล้วครับ เจอกันซะที เจ้าเมอร์ไลอ้อน

Comment : 37

ดูมุมไกลๆบ้าง

Comment : 38

อีกสักมุมน่า

Comment : 39

...สิงโตตัวนี้สูง 8.6 เมตร มีน้ำหนัก 70 ตัน ทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์
โดยช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ผู้เสียชีวิตไปแล้วที่ชื่อนายลิมนังเซ็ง
ส่วนรูปปั้นสิงโตทะเลตัวที่สองจะมีขนาดเล็กกว่า ขนาดสูงสองเมตรและหนักสามตัน
ก็ถูกสร้างขึ้นโดยนายลิมเช่นกัน ตัวสิงโตทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ ผิวหนังทำจากแผ่นกระเบื้อง
และตาทำจากถ้วยชาสีแดงขนาดเล็ก

...ผู้ออกแบบคือนายฟราเซอร์ บรูนเนอร์ (Mr Fraser Brunner) เป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแวนคลีฟ
หัวรูปปั้นเป็นสิงโตหมายถึงสิงโตที่เจ้าชายซางนิลาอุตามะเคยเห็นตอนที่พระองค์พบเกาะสิงกะปุระในปี ค.ศ.
ที่ 11 ตามบันทึกของชาวมาเลย์ (Malay Annals) ส่วนหางที่เป็นปลาคือสัญลักษณ์ของเมืองโบราณเทมาเซ็ค
(หมายความว่า "ทะเล" ในภาษาญี่ปุ่น)
ซึ่งสิงคโปร์ถูกค้นพบมาแล้วก่อนที่เจ้าชายนิลาจะตั้งชื่อเกาะนี้ว่า "สิงกะปุระ"
(หมายความว่า "สิงโต" (สิงห์) และ "เมือง" (ปุระ) ในภาษาสันสฤต)
นอกจากนี้ยังหมายถึงจุดเริ่มต้นอันต่ำต้อยของสิงคโปร์ที่ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมง

Comment : 40

...ด้านตรงข้ามเราจะเห็นตึกเอสพลานาร์ดหรือตึกทุเรียนซึ่งก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายไฟกลางคืน

Comment : 41

...เมื่อถ่ายกันจนหนำใจแล้วเราก็เตรียมเดินหาไรกิน หุหุ (เริ่มเมื่อยขา 55)

Comment : 42

ยังเห็นตึกทุเรียนลิบๆอยู่

Comment : 43

...อารมณ์คิดถึงบ้าน 555

Comment : 44

...พวกผมมาเดินต่อกันที่ คล้ากคีย์ (ประมาณสีลม - RCA บ้านเรา คือจะเป็นพวกที่เที่ยวกลางคืน)

Comment : 45

...บรรยากาศดีสุดๆ เพราะมีแม่น้ำคั่นกลาง

Comment : 46

คนเพียบบบ เลยถือโอกาสขึ้นไปนั่งเล่นบนราวสะพานแป๊บบนึง

Comment : 47

...มีร้านสวยๆ ผับดีดีเพียบ แต่พวกเราคงแค่เดินผ่าน เพราะเน้นมาเดินถ่ายรูปเล่น แค่มาดูๆบรรยากาศก็พอ
((จริงๆมันแพง ไม่มีตัง 5555))

Comment : 48

...สีสันยามค่ำคืน มีคนไทยมาเป็นพนักงานด้วย เรียกเราใหญ่

Comment : 49

...มีเครื่องเล่นสำหรับคนชอบความหวาดเสียว ...ซึ่งไม่ใช่พวกเรา 3 คน 5555

Comment : 50

คาราโอเกะ ผับ เทคตรึมเลย