Detail

สำหรับทริปนี้ เป้าหมาของเราคือ สพภาพเมียนม่า หรือ ที่คนปกติ เรียกกันติดปาก ว่า ประเทศพม่า
ประเทสเพื่อนบ้าน บ้านใหล้เรื่อนเคียง เรานี่เอง
ทริปนี่เกิดจาก อยากสนองตัณหาตัวเองล้วนๆ อยากไปเห็น ป่าเจดีย์ที่พุกาม อยากไปเห็น
มหาเจดีย์ชเวดากอง
สักครั้งนึง แล้วโอกาสก็มาถึง มีโปรแอร์เชีย ออกมา เลยจัดการสอยเสียอย่าให้พลาด
โปรแกรม สำหรับทริปนี้ จองตัวไป 17 ก.ค. กลับ 22 ก.ค.เช้า เบ็ดเสร็จ ก็ 5วัน 6 คืน ก่อนไปแพลนคร่าวๆ
ไว้ว่า วันแรกไปถึงจับรถไป พุกามเลย นอนในรถ1คืน ถึงพุกามเช้า18 นอนพุกามคืน 18กับ19
คืน20นอนในรถกลับมา
ย่างกุ้ง คืน21นอนย่างกุ้ง1คืน เช้า22ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ ส่วนเรื่องที่ว่าจะไปเที่ยวไหน
แค่ตั้งธงไว้ว่า จะต้องไป ป่าเจดีย์ ป๊กปา กับมหาเจดีย์ชเวดากองให้ได้ ถ้าจะเที่ยวที่อื่นเพิ่มที่
ค่อยสดกันหน้างาน
ก่อนไปครั้งนี้ก็ทำการบ้านกันพอสมควรเลยทีเดียว ยิ่งทำยิ่งสนุกเพราะว่า
มันพาไปเกียวกับประวัติศาสตรไทย
(ส่วนตัวชอบเรื่องแนวๆนี้อยู่แล้ว เลยยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่) ยิ่งทำการบ้านไปเรื่องๆ ยิ่งเจอว่าประเทศนี้
มีอะไรน่าสนใจเยอะมากกกกกก

Comment : 51

Comment : 52

Comment : 53

Comment : 54

การแสดงของเหล่าเจดีย์ บทที่1 Sunrire ก็จบลง

Comment : 55

เออ..ไอ้ตอนขึ้นทำใมไม่เห็นชันอย่างนี้เลย

Comment : 56

โฉมหน้าของสมาชิก ร่วมวิบากทริปนี้ซะหน่อย

ดูความชันนี่... ตอนขึ้นไม่รู้สึกแต่ตอนลงนี่... เล่นเอาขาสั่นเลยที่เดียว

Comment : 57

หันกลับมาถ่าย เจดียืสักหน่อย ขอบคุณสำหรับที่นั่ง ติดขอบเวทีสำหรับการแสดงเช้านี้

Comment : 58

ด้านข้างมีวิหารพระนอน อยู่ใหญ่ทีเดียว

Comment : 59

ม้าใช้(ม้าจริงๆ555+) ของวันนี้ ชื่อเจ้าแรมโบ้

Comment : 60

คันที่2นี่ชื่ออาร์โนล

สภาพอากาศที่ Bagan นี่แตกต่างกับย่างกุ้งสิ้นเชิง ร้อนมากกกกกก+ฝุ่น
ต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ค่อยมีมีดงกระบองเพชรประปราย พื้นดินส่วนใหญ่เป็นดินปนทราย ถ้าใครนึกไม่ออก นึกถึงตอนไป
รด.ที่เขาชนไก่ ประมาณนั้นเลย

Comment : 61

หลังจากชมการแสดงรอบเช้าเสร็จ เราตกลงกับ รถม้าไว้ว่า ขอกลับไปที่พัก อาบน้ำล้างหน้า
ทานข้าวแล้วค่อยออกตะลอนทัวร์ Bagan

สำหรับ Bagan นี่แบ่งได้เป็น 3 ส่วนง่ายๆ
1 โซนBagan เก่า คือโซน ด้านในแนวกำแพง มีเจดีย์เยอะแยะ
2 โซน Bagan ใหม่ (Nyaung U) ท่ารถ สนามบิน สถานีรถไฟ โรงแรมบางส่วน อยู่ในโซนนี้
3 โซน Bagan ใหม่กว่า อันนี้ไม่ได้ไป เป็นโซนที่ เขาย้ายคนที่เคยอาศัยอยู่ ใน Bagan เก่า ไปอยู่

***เครดิดเจ้าของภาพหาเจอใน Google ขอบคุณครับ

Comment : 62

เรามารู้จัก อาณาจักร Bagan กันคร่าวๆ ก่อนไปเที่ยว

อาณาจักรพุกาม (อังกฤษ: Bagan Kingdom, พม่าเป็น
อาณาจักรโบราณในช่วง พ.ศ. 1587 - พ.ศ. 1830 พุกามเป็นอาณาจักรและราชวงศ์แห่งแรกในประวัติศาสตร์พม่า
มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองพุกามในปัจจุบัน เดิมมีชื่อว่า "ผิวคาม" (แปลว่า
หมู่บ้านของชาวผิว) เป็นเมืองเล็ก ๆ ริมทิศตะวันออกของแม่น้ำอิระวดี สภาพส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายแห้งแล้ง
เป็นที่อยู่ของชาวผิว ซึ่งเป็นชนพื้นเมือง ในปี พ.ศ. 1587 พุกามถูกสถาปนาโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ
พระองค์ต้องทำสงครามกับชาวมอญที่อยู่ทางใต้ จึงได้สถาปนาชื่ออย่างเป็นทางการของพุกามว่า
"ตะริมันตระปุระ" (หมายความว่า เมืองที่ปราบศัตรูราบคาบ)

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

Comment : 63

รู้จักBagan กันแล้ว เริ่มออกเดินทางกันได้

ที่แรกที่รถม้าพาเราเข้าไป เป็นเจดีย์เล็กๆ ไม่มีในแผนที่ - -"

Comment : 64

เข้าไปข้างในอลังการงานสร้างทีเดียว น่ขนาดเจดีย์องค์เล็กๆไม่มีในแผนที่นะ เป็นการโหมโรง
ก่อนเจอของใหญ่ดีทีเดียว

Comment : 65

...

Comment : 66

ภาพที่เห็นทุกที่เลย เป็นภาพที่มีคนมาวางขายภาพเขียนทราย (Sand Painting) ราคาก็แล้วแต่ขนาด+ความละเอียด
และความสามารถในการต่อลอง

Comment : 67

สถานที่ต่อไป Htilominlo Temple

Comment : 68

เราโดนเก็บ ค่าเหยียบแผ่นดิน/ค่าเข้า/ค่าทำเนียม เขาเรียกประมาณนี้ คนละ15USดอลล่า
ตอนแรกจ่ายไปนึกอยู่ว่าแพงจัง แต่พอได้เที่ยวได้ไปหลายๆที่ กับความอลังการ แล้ว
แค่15เหรียญนี่ถือว่าคุ้มมากๆ มีหลายๆคนพยายามเลี่ยงที่จะไม่จ่าย
จริงๆแล้วจ่ายๆไปเถอะถือเป็นค่าดูแลรักษา ซ่อมแซมเหล่าเจดีย์ จะได้มีไว้ให้ชมนานๆ

ป.ล. เห็นเขาบอกว่าถ้าคุณไม่จ่าย ยังไงทางการก็จะหาคุณจนเจอ.... ว่าแต่เขาจะรู้ได้ไงว่าเรายังไม่จ่าย
555+

Comment : 69

วัดทิโลมินโล (Htilominlo Pagoda ) ที่สันนิษฐานว่า น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “ไตร โลกมงคล “
สร้างโดยพระเจ้าติโลมิโล เมื่อปี พ.ศ 1761 ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความ สวยงามมากทั้งภายในและภายนอก
โดยเฉพาะปูนปั้นบริเวณฐานด้านนอก วิหารนันปยะ ( Nanpaya ) ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่ประทับของพระเจ้ามนูหะ
ซึ่งพระเจ้า อโนรถา ทรงจับเป็นเชลยมาจากเมือง สะเทิน สร้างด้วยอิฐและสอดินแต่พื้นปูด้วยหิน มี
แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีมุขยื่นยาวออกไปทางทิศตะวันออก ใกล้กับแท่นบูชา ภายในอาคารมีเสาหิน
4 เสา และบนแต่ละด้านของเสาก็สลักลายดอกไม้รูปสามเหลี่ยมและ เทวรูปพระพรหมทรงถือดอกบัวอยู่ในแต่ละหัตถ์
งานตกแต่งภายนอกอาคารที่น่าสนใจยิ่ง คือ บานหน้าต่างเป็นช่องปรุทำจากศิลา
อันเป็นแบบอย่างและกรรมวิธีของงานงางพุกามใน ส่วนที่เชื่อว่ารับวัฒนธรรมมอญ
ทั้งนี้รวมถึงลวดลายที่ประดับกรอบของหน้าต่างและส่วน อื่นของผนังด้วยพระเจดีย์ธรรมยาจี
สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้านรถุ (พ.ศ. 1710 – 1713) เจดีย์อานันทะ (ชื่อดังเดิมคือ อนันตปัญญา)
เป็นวิหารทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสมีมุขเด็จ ออกไปเท่ากันทั้ง 4
ด้านแต่ละด้านมีซุ้มคูหาประดิษฐานพระพุทธรูปทรงสูง 10 เมตร
ใหญ่โตสูงสง่าและเป็นศิลปะพระพุทธรูปต้นแบบสมัยพุกามดั้งเดิม เจดีย์สัพพัญญู (THATBYINYU)
เป็นวิหารสูงที่สุดในพุกามทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีความสูง 201 ฟุต
เป็นวัดประจำรัชกาลพระเจ้าอลองสินธสร้างเลียนแบบวัดในประเทศอินเดีย สูงห้า
ชั้นโดยชั้นที่สี่เป็นที่ปดิษฐานพระไตรปิฎกฉบับต้นแบบและชั้นที่ห้าเป็นองค์พระสถูปอัน ศักดิ์สิทธิ์
พระเจดีย์กูบยางคยี (GUPYAUKKYI PAGODA) ที่สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิธะในราวปี พ.ศ. 1656
พระเจดีย์แห่งนี้สร้างแบบศิลปะของพยูหรือพุกามตอนต้น ภายใน
พระเจดีย์ท่านจะได้ชมจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดของเมืองพุกามที่ยังคง หลงเหลืออยู่

Comment : 70

ข้างวัดนี้ มีของที่ระลึกขายเยอะมาก สาวๆ เริ่มขยับกระเป๋าตังค์กันแล้ว 555+

Comment : 71

อลังการงานสร้างมากๆ

ก่อนที่จะไปBagan ข้าพเจ้าก็ทำการบ้านมาเยอะพอสมควร จิตนาการไว้ว่ามันใหญ่ระดับนึง แต่พอไปถึงแล้ว
ทุกอย่างใหญ่กว่าที่คิดไปเยอะมากกกกกกก

Comment : 72

...

Comment : 73

มีทุกที่ จริงๆ เจ้าSand Paintingเนี่ย

คิดในแง่ดี เขาก็ยังพยายามหารายได้โดยสุจริต ไม่ต้องไปขอทานหรือขโมยของใคร ควรสนับสนุนๆ

Comment : 74

ภาพแบบนี้ก็เจอทุกวัดเหมื่อนกัน ทุกวัดจะเห็นคนพม่า ตั้งแต่หนุ่มสาว จนถึง คุณตาคุณยาย มาหาที่หามุมสงบ
นั่งสมาธิกัน
ความศรัทธา ในพระพุทธศาสนา ของคนที่นี่เต็ม 100 จริงๆ

Comment : 75

อันนี้ จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ขออภัยจริงๆ

Comment : 76

ได้ถาม คนขับรถม้าว่า ทำใมถึง สร้างเจดีย์ได้เยอะขนาดนี้ เพื่ออะไร ได้คพตอบมาว่า " One Pagoda
One Family"

Comment : 77

..

Comment : 78

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง

มื้อเทียงของเรานี้ รถม้าพามาร้านอาหาร ใกล้ๆกับ Ananda Tample เป็นร้านอาหารพื้นเมือง แบบ บุฟเฟ่
หัวละ
3000 จ๊าดดได้มั้งถ้าจำไม่ผิด ทางร้านเขาขะจัดมาเป็นสำรับมาให้เลยไม่ต้องสั่ง เติมได้ตลอด

Comment : 79

อาหาร คล้ายๆ อาหารทางเหนือบ้านเรา แต่จะเอียงๆไปทางอาหารอินเดียวเล็กๆ ประมาณ แกงมัสมั่น แกงฮังเล
อะไรประมาณนั้น สรุปแล้ว ทานได้รสชาติ OK

Comment : 80

หนังท้องตึง หนังตาหย่อน เอ๊ย... ไปเท่ยวกันต่อ จากร้านอาหารเดินมานิดเดียวก็ถึง Ananda Tample
เรียกแบบไทยๆก็ วิหารพระบึ้ง พระยิ้ม

Comment : 81

เขาว่ากันว่า Ananda Tample นี่เป้นเพชรน้ำเอกของช่างสกุล พุกามเลยทีเดียว
ป.ล. รูปนี้ถ่ายตอนเช้า รูปวิหารระยะใกล้ไม่ได้ถ่ายมา

Comment : 82

อานันทวิหารได้ชื่อว่างดงามที่สุดเพราะเต็มไปด้วยเชิงชั้นทางศิลปะครบทุกแขนง
เป็นวิหารที่มีอิทธิพลของอินเดียอยู่มาก วิหารสร้างในรูปแบบทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 175 ฟุต
สูงจากฐานชั้นล่างถึงยอดฉัตร 172 ฟุต ตัววิหารที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขเด็จยื่นออกไปเท่ากันทั้ง 4
ทิศ เช่นเดียวกับผังกางเขนกรีก หลังคายกระดับทีละชั้น
จนถึงจุดกึ่งกลางจึงประดิษฐ์ฐานส่วนยอดซึ่งเป็นรูปเจดีย์เอาไว้
ซึ่งสัดส่วนของเจดีย์นั้นงดงามได้สัดส่วนไม่มีที่ติ … เมื่อมองจากภายนอกแล้วคล้ายมี 2 ชั้น


เทคนิคการก่อสร้างนั้นสุดยอดด้วยการสร้างที่ใช้วิธีถ่ายเทน้ำหนัก
โดยตรงกลางวิหารสร้างเป็นแกนสี่เหลี่ยมทึบขึ้นไปรับยอดวิหาร และสร้างซุ้มประตูโดยเรียงอิฐโค้งแบบ Arch
ซึ่งถือเป็นแบบของพุทธศิลป์ของพม่าในยุคต่อมา …และในกาลต่อมา
สถาปัตยกรรมและศิลปะแบบพุกามก็แผ่อิทธิพลมาถึงอาณาจักรสุโขทัยที่เกิดขึ้นภายหลัง

Comment : 83

ภายในวิหารมีลักษณะเป็นอุโมงค์เดินถึงกันโดยรอบ แต่ละด้านมีซุ้มคูหา
เป็นที่ประทับของพระพุทธรูปประทับยืนแกะสลักจากไม้ ขนาดสูง 31 ฟุต ตามคติความเชื่อของชาวพม่าที่ว่า
โลกของเรามีพระพุทธเจ้ามาแล้ว 3 พระองค์ แล้วเพิ่มพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่สี พระพุทธรูปทั้ง
4 ทิศแต่ละองค์จะวางพระหัตถ์แตกต่างกัน และไม่เหมือนกับพระปางใดๆของไทย

Comment : 84

มาถึงไฮไลท์ของวัดนี้

1ใน4 ของพระพุทธรูปยืนแกะสลักไม้ คือ พระกัสสปพุทธเจ้า” พระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งที่เป็นของดั้งเดิม
องค์นี้มีสิ่งที่น่าทึ่ง บ่งบอกถึงความลุ่มลึกชาญฉลาดของช่างพุกามที่ปั้นพระพักตร์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ …
หากเรามองในระยะห่าง จะเห็นว่าพระพักตร์ขององค์พระยิ้มให้เราอย่างมีเมตตา
หากเมื่อเดินเข้าไปใกล้ขึ้นจะเห็นพระพักตร์เรียบเฉยอย่างมีสมาธิ และเมื่อเข้าใกล้มากขึ้น
พระพักตร์จะบึ้งตึง … มีผู้อธิบายว่า
เป็นเพราะแสงที่ลอดช่องวิหารเข้ามากระทบพระพักตร์ทีสัมพันธ์กับมุมที่เรายืนดู
ทำให้เรามองเห็นพระพักตร์ต่างกัน … พระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่มาของสมญานาม “พระบึ้ง-พระยิ้ม”
ลักษณะการวางพระหัตถ์คล้ายปางปฐมเทศนาของไทย

Comment : 85

ดูกันให้ชัดๆเลย ภาพนี้ ถ่ายใกล้ตอนยืนอยู่ใต้ฐานพระพุทธรูปเลย

Comment : 86

ส่วนภาพนี้ ถ่ายจากระยะไกล สุดประตูวิหารเลย ยิ้มแป้นมากกกกกกกกกกก....
นี่แหละที่มาของชื่อพระบึ้งพระยิ้ม

Comment : 87

ทุกที่ก็จะมี เหล่าร้านขายของที่ระลึก คอยให้บริการนักท่องเที่ยว ให้ขยับย้าย เงินในกระเป๋าตังค์กัน
ส่วนราคาก็แล้วแต่ความสามารถในการต่อรอง 555+
แต่บางร้านก้รับเงินไทยนะ ลองบวกลบคูณหารค่าเงินกันดีๆ

Comment : 88

คนพม่า ส่วนใหญ่น่ารักมากกกกก อัทยาศัยดี อย่างคุณยายคนนี้ แกขายน่าจะเป็นยาเส้นมั้ง ฟังไม่ออก
แต่แกก็พยายามอธิบายเป็นภาษาพม่า - -" คุยกันจนเมื่อยมือสักพัก ไม่ได้ยาเส้นมาแต่ได้เป็นรอยยิ้ม
แบบในภาพนี้มาแทน

Comment : 89

ลาจากคุณยายยิ้มแป้นแล้ว ก็เข้าสู่โซน Bagan เก่ากันต่อ

Comment : 90

ใน Bagan แต่ละที่ก็จะมีกลิ่นอายจากช่วงที่อังกฤษ ปกครองอยู่ ไม่มากก็น้อย

Comment : 91

มาถึงพม่าแล้วไม่ลอง แป้ง ทานาคา แล้วคงเหมื่อมาไม่ถึงเลยต้องจัดซะหน่อย สมาชิกโดนแม่ค้า
หิ้วปีกไปลองซะงั้น

Comment : 92

สาวบะหม่าที่ไหนก็ไม่รู555+

เขาทาให้มีหลายลายให้เลือก มีใบไม้ ฯลฯ

อันนี้น่าจะเป้นลายใบไม้นะ

Comment : 93

มีร้านขาย Sand Painting ทุกที่เลย บางอันละเอียดมากๆ ราคาก้สูงตามไปด้วย
ได้ลองคุยกับคนที่ทำ เขาบอกว่า บางภาพที่ละเอียดมากๆ อาจตั้งลงถึง 6-7ชั้นเลยทีเดียว

Comment : 94

องค์ นี้ชื่อ Buphaya Paya เป็นเจดีย์ที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในพุกาม อยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี
มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ แต่ในด้านการท่องเที่ยวยังไม่โดดเด่น ไม่มีสิ่งจูงใจอะไรมากมาย
แต่ถ้ามีโอกาสได้ล่องเรือในแม่น้ำอิรวดี Buphaya Paya จะเป็นจุดเด่นที่นักเดินเรือใช้เป็นจุดสังเกตุ
เจดีย์องค์ปัจจุบันเป็นองค์ใหม่ที่บูรณะขึ้นมาใหม่

ที่เห็นข้างหลังนั้น แม่น้ำอิระวดี กว้างงงงงงมาก

Comment : 95

อีกหนึ่งไฮไลท์ ของBagan เลยคือที่นี่ Manuha Temple
เป็นสถานที่มีประวัติศาสตร์อันน่าเศร้าเพราะก่อสร้างโดยเจ้าศรัทธาที่เป็นเจ้ามอญที่ไร้บัญลังค์ต้องถูกคว
บคุมตัวอยูในแผ่นดินของผู้อื่น ผู้มีนามว่าพระเจ้ามนูหะ
โดยการก่อสร้างแสดงถึงความอึดอัดคับข้องใจของพระองค์โดยก่อสร้างพระพุทธรูปองค์โตแต่เมือเปรียบเทียบกับตั
ววิหารซึ่งสร้างครอบองค์พระแล้วช่างไม่สมดุลกันเลยเพราะตัววิหารพอดีกับองค์พระเลย
ชื่อไทยๆ เรียกพระอึดอัด จะอึดอัดแค่ไหนเดียวลองดู

Comment : 96

สร้างพระได้พอดีกับโบสถ์มาก ไหลนี่แทบจะชนกับผนังเลยทีเดียว อึดอัดสุดๆ

Comment : 97

ด้านข้างก็ เกือบจะพอดีกับผนัง แค่พอให่คนเดินเอียงตัวผ่านไปเท่านั้น

แค่นี้ก็ไม่ต้องบรรยายถึงความรู้สึกของพระเจ้า มนูหะ แล้วว่าท่านรู้สึกอย่างไง

Comment : 98

อันนี้เป็นรูปปั้นของพระเจ้ามนูหะ กับพระมเหสี อยู๋ด้านข้างของโบสถ์

Comment : 99

ด้านหลังก็ มีพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่ แต่ว่าพระโอษฐ์ยิ้มทำให้คิดว่า
พระเจ้ามนูหะอาจจะมีพระประสงค์จะสื่อความหมายว่า
มีเพียงความตายเท่านั้นที่ทำให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์มีอิสรภาพ

ออกแนวประชดทั้งวัดเลยแฮะ

Comment : 100

ด้านหลังนี่ดูไม่ค่อยอึดอัดเท่าไร