Detail

ปีใหม่กลับบ้านที่ลำปาง อากาศหนาวๆ เลยว่าขับรถเล่นไปแจ๊ซ้อนดีกว่า ยังไม่เคยไปด้วย
จริงๆอยากไปวัดศรีหลวงแจ๊ซ้อน เพราะ อสท. เล่มธันวาคม บอกว่าเป็นวัดเก่าแก่ อายุเป็นพันปี
ว่าแล้วก็อยากตามรอยดูโบราณสถานสำคัญหน่อย ในหนังสือยังว่าเมืองปานนั้นน่าอยู่
แสนสงบเป็นว่าที่เมืองปายแห่งที่ 2 ได้เลย ยิ่งอ่านยิ่งอยากไปเห็น
แถมยังมีบ้านป่าเมี่ยงให้เดินชมวิถีชีวิตชาวเขาอีก บรรเจิดมากๆ ว่าแล้วก็ออกเดินทางจากลำปางแต่เช้า
ตื่นมาอากาศหนาวๆ แม่น้ำวังในตัวเมืองตอนรับเราด้วยสายหมอกเหนือน้ำ ราวกับปางอุ๋งเลยทีเดียว

Comment : 1

จากตัวเมืองใช้เส้นทาง 1157 ผ่านบ้านเป้า บ้านเอื้อม ทุ่งกว๋าว ผ่านเมืองปาน ถึงน้ำพุร้อนแจ๊ซ้อน
ระยะทาง 75กิโล อากาศเย็นสบาย มีสายหมอกลอยระเลี่ยริมทาง เส้นทางวิ่งตามไหลเขาบนที่ราบ
สองข้างทางเป็นนาข้าวเสียส่วนใหญ่ แวะจอดถ่ายรูปตามจุดที่สวยๆไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน อากาศดีๆ แสงสวยๆ

Comment : 2

ก่อนถึงเมืองปานประมาณ 10กิโล เส้นทางจะผ่านเขาอยู่หลายเนิน เรียกเนินจะถูกกว่า แต่ก็สัมผัสได้ถึงป่าเขา
และต้นไม้ที่หนาขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับสายหมอกที่หนาขึ้น อดลงไปถ่ายรูปไม่ได้

Comment : 3

มาถึงแจ๊ซ้อนเอา 8โมงนิดๆ แวะลงไปดูหน่อย

น้ำพุร้อนแจ๊ซ้อน
เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีสภาพการเกิดทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจ มีกลิ่นกำมะถันค่อนข้างอ่อน จำนวน 9 บ่อ
ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ภายในพื้นที่มีโขดหินน้อยใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
และมีไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นจากบ่อปกคลุมรอบบริเวณราวกับสายหมอก
น้ำพุร้อนมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของน้ำพุร้อนประมาณ 73 องศาเซลเซียส เป็นที่นิยมนำไข่ไก่และไข่นกกระทามาแช่
สำหรับไข่ไก่แช่นานประมาณ 17 นาที ไข่แดงจะแข็งมีรสชาติมันอร่อยส่วนไข่ขาวจะเหลวคล้ายไข่เต่า
ในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม ของทุกปี บริเวณนี้จะพบจักจั่นจำนวนมากนับหมื่นตัว
เชื่อว่าจักจั่นเหล่านี้หลังจากผสมพันธุ์แล้วจะมาดื่มกินน้ำแร่ก่อนที่จะตา

Comment : 4

ห้องอาบน้ำแร่

มีทั้งห้องอาบแบบแช่ ซึ่งมีอ่างสำหรับลงแช่อาบ จำนวน 11 ห้อง และห้องอาบน้ำแบบตักอาบ
โดยแยกระหว่างห้องอาบชายหญิง จำนวน 16 ห้อง อุณหภูมิของน้ำแร่ ประมาณ 39 - 42 องศาเซลเซียส
เหมาะแก่การอาบเป็นอย่างยิ่ง การอาบน้ำแร่เป็นการบำบัดความเมื่อยล้าของร่างกาย
ทำให้รู้สึกสดชื่นช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น และยังช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ เช่น กลาก เกลื้อน
ผื่นคัน เป็นต้น โดยน้ำแร่ที่ใช้อาบต่อท่อโดยตรงมาจากบ่อน้ำพุร้อน

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จะทำความสะอาดห้องอาบน้ำแร่ อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง โดยทำความสะอาดในตอนเย็น
หลังจากไม่มีผู้ใช้บริการแล้ว

Comment : 5

ออกจากแจ๊ซ้อน ใช้เส้นทางผ่านจุดกางเต็นท์ วิ่งทะลุหลังที่ทำการอุทยานไป
ขึ้นเขาสูงชันและคดเคี้ยวไปอีกประมาณ 14กิโล จะถึงบ้านป่าเมี่ยง ขับรถวนเข้าไปดูนิดหน่อย
คราวหน้ามานอนสักคืนคงดี ที่นี่ปลูกชากัน แต่ก่อนปลูกฝิ่นตามแบบฉบับ ม้ง
กะเหรี่ยงที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ตามภาคเหนือ ที่ปากทางหมู่บ้าน แวะทานข้าวที่ร้านอาหารชาวบ้านแถวนั้น
เห็นป้ายเขียนว่ากิ่วฝิ่น 4กิโล แรกถอดใจไม่ไปละ แต่ถามแม่ค้าว่าขึ้นไปมีไร ก็บอกว่ามีจุดชมวิว
แนะนำให้ไปดูสิ ตอนนี้ซากุระบาน???? ได้ยินไม่ผิด หูไม่ฝาด ลำปางมีพญาเสือโคร่ง
ได้ยินแล้วเลยรีบกินกันเลย อีก 4กิโล ไต่ขึ้นไปเรื่อย จึงมาถึงตรงนี้

Comment : 6

จุดชมวิวดอยล้าน (กิ่วฝิ่น)
ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ที่ จซ 7 (ดอยล้าน)
เป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดลำปางกับจังหวัดเชียงใหม่ อากาศเย็นช่วงเดือนธันวาคม - มกราคม

ปล.เสื้อไอเดียดีดีใส่สบายมาก อิอิ

Comment : 7

เนื่องจากลืมข้าวหลามไว้ที่บ้าน มีแต่เลนส์ไวด์และ G11 งานนี้เลยใช้กล้องคอมแพคกันละ = ="

Comment : 8

เห็นเขาถ่ายกันเสียดายจับใจ ไม่ได้เอามา

Comment : 9

Comment : 10

Comment : 11

Comment : 12

Comment : 13

Comment : 14

Comment : 15

Comment : 16

Comment : 17

Comment : 18

Comment : 19

Comment : 20

Comment : 21

Comment : 22

เดินถ่ายอยู่นาน 2 นาน จนลงมาข้างล่าง แวะวัดศรีหลวงแจ๊ซ้อน เก่าเอาการ แต่นับอายุแล้วได้ร้อยกว่าปี
ไม่ใช่พันปีตาม อสท. ว่า ไว้คราวหน้าจะเอารูปและประวัติมาลง

ขอบคุณชมไทยสำหรับพื้นที่ครับ

Comment : 23

สวยงามมากเลยครับพี่โอ๊ค ลำปางมีอะไรที่น่าสนใจเยอะมากจริงๆ ทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม

เข้าทางเลยครับ ช่วงนี้ผมกำลังรีวิว จ.ลำปางพอดีเลย ขอบคุณมาก ๆ

Comment : 24

ไปเขายายเที่ยงเด๋วพาสาวลำปางแต๊ๆไปให้สัมพาดเลยพี่เอก

Comment : 25

ได้เจอ ดร. นางแบบ ตัวเป็นๆ ล่ะ

Comment : 26

ชอบบรรยากาศครับ ทุ่งนากับดอกชมพู ^__^

Comment : 27

ทำมัยถ่ายพญาเสือโคร่งไม่ได้อย่างนี้บ้างนะ. เหยยยยยย
สวย สวย ทุกรูปเลย ชอบอ่ะ

Comment : 28

บรรยากาศในบ่อน้ำสวยดีครับ ดอกพญาเสือโคร่งงามแต้ครับ